Forex คืออะไร จะเริ่มเทรด Forex ได้อย่างไร?

แม้ตลาดการเงินจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งสินค้าทางการเงินตัวใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นสกุลเงินดิจิทัลและบิทคอยน์ และยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เช่น Binary Options เข้ามา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเทรด Forex ยังคงได้รับความนิยมสำหรับนักเทรดไม่เสื่อมคลาย และหากใครที่ยังไม่รู้ว่า Forex คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมนัก และจะเริ่มเทรด Forex ได้อย่างไร คราวนี้เราจะพามาหาคำตอบกัน

1. Forex คืออะไร

การเทรด Forex คือ วิธีการสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลหนึ่งให้กลายเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งไม่ต่างจากการซื้อขายสินค้าอื่น ๆ โดยการเทรดนี้จะต้องมีการซื้อเงินสกุลหนึ่งเข้ามาและขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป ทำให้เรามักจะคุ้นเคยกับการเทรด Forex ในลักษณะที่เป็นคู่เงิน

การทำธุรกรรมการเทรด Forex นั้นมักเกิดขึ้นโดยสถาบันการเงินเช่น ธนาคาร หรือแม้แต่นักลงทุนรายย่อย ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเข้ามาหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของราคาโดยการคาดว่าสกุลเงินที่ซื้อมาจะมีมูลค่าสูงขึ้นหรือสกุลเงินที่ขายออกไปจะมีมูลค่าลดลง และส่วนต่างนั้นคือผลกำไร 

หากจะอธิบายให้ใกล้ตัวขึ้นมาอีกหน่อย การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินนี้ก็ทำในลักษณะเดียวกับการแลกเงินเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น หากเราจะเดินทางไปยุโรปก็จะต้องแลกเงินบาท (THB) ให้เป็นยูโร (EUR) นั่นคือการซื้อเงินยูโร (EUR) โดยการขายเงินบาท (THB) ออกไป และเมื่อเราเดินทางกลับมาก็จะต้องแลกเงินกลับด้วยการ ขายเงินยูโร  (EUR) ออกไปเพื่อกลับมาถือเงินบาท (THB) ซึ่งหากระหว่างนั้นอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดเป็นผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นมา

ในความหมายนี้ เรายังมีคำอีกมากมายที่ใช้ในความหมายเดียวกันกับการเทรด Forex เช่น FX, Forex, ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ, ตลาดค่าเงิน ฯลฯ

★ ประเภทของคู่เงิน ★

เพื่อให้สะดวกต่อการจัดกลุ่ม การเทรด Forex จึงมักมีการแบ่งประเภทของคู่เงินไว้ 4 ประเภท คือ

  • คู่เงินหลัก (Major Pairs)

คู่เงินหลัก (Major Pairs) ประกอบด้วยคู่เงินขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คิดเป็นสัดส่วนการซื้อขายกว่า 80% ของตลาด เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ USD/CHF

  • คู่เงินรอง (Minor Pairs)

คู่เงินรอง (Minor Pairs) เป็นคู่เงินที่มีการเทรดไม่บ่อยเท่าคู่เงินหลัก แต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นการนำสกุลเงินหลักมาเข้าคู่กันแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ เช่น EUR/GBP, EUR/CHF, GBP/JPY

  • คู่เงินสกุลทางเลือก (Exotics Pairs)

คู่เงินสกุลทางเลือก (Exotics Pairs) เป็นการนำสกุลเงินหลักมาเข้าคู่กับสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น USD/PLN, GBP/MXN, EUR/CZK

  • คู่เงินประเทศอื่น ๆ (Regional Pairs)

คู่เงินประเทศอื่น ๆ (Regional Pairs) เป็นการนำสกุลเงินหลักไปเข้าคู่กับสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ เช่น EUR/NOK, AUD/NZD, AUD/SGD 

2. การเทรด Forex ทำงานอย่างไร

การเทรด Forex เป็นกระบวนการที่คู่ค้าเข้ามาเจรจาซื้อขายกันเอง (Over-the-Counter – OTC) โดยที่ไม่ได้มีตลาดสำหรับการซื้อขายโดยเฉพาะเหมือนการซื้อขายหุ้น แต่เป็นการรวบรวมธุรกรรมและคำสั่งซื้อขายจากของนักเทรดจากทั่วโลกทั้งฝั่งสถาบันและรายย่อยเข้ามาไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์และประมวลผลออกมา ซึ่งผู้ที่เข้ามามีบทบาทในตลาดนี้ได้แก่ นักลงทุนสถาบัน ธนาคารพานิชย์ รวมทั้งนักลงทุนรายย่อย

ตลาด Forex มีการเปิดตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน และตลอด 5 วันทำการในหนึ่งสัปดาห์ และมีการเทรดกระจายไปตามเมืองศูนย์กลางทางการเงินต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น ลอนดอน นิวยอร์ค โตเกียว ซูริค แฟรงค์เฟิร์ต ฮ่องกง สิงคโปร์ ปารีส และซิดนีย์ ซึ่งเมืองเหล่านี้ตั้งอยู่ในเขตช่วงเวลาที่แตกต่างกันและมีช่วงเวลาเปิดทำการที่เหลื่อมเวลากัน ทำให้การเทรด Forex ที่เกิดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ส่งต่อช่วงเวลาและดูเหมือนเราสามารถเทรด Forex ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง

สำหรับการทำกำไรจากการเทรด Forex นักเทรดมักคาดหวังผลกำไรจากการคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคา และฉวยโอกาสเข้าทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่เคลื่อนไหวนั้น ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างตราสารอนุพันธ์ เช่น สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference – CFD) ที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ เช่น MiTrade, IG, XM

การเทรดตราสารอนุพันธ์ช่วยให้นักเทรดเก็งกำไรบนการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์โดยไม่จำเป็นต้องมีหรือถือสินทรัพย์นั้นไว้ในมือมาก่อน เช่น การเทรด Forex กับ MiTrade ก็ทำได้โดยลองคาดการณ์ทิศทางแนวโน้มราคาว่าจะไปทางไหน ซึ่งทิศทางราคานี้เองที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าการเทรดนี้จะกำไรหรือขาดทุน

สำหรับการเทรด Forex นั้นมีตัวเลือกหรือเครื่องมือให้นักลงทุนเลือกใช้อยู่ 3 วิธีนั่นคือ

★ ประเภทของตลาด Forex ★

  • ตลาดซื้อขายค่าเงินแบบสปอต (Spot forex market)

ตลาดนี้เป็นการซื้อขายตัวเงินที่จับต้องได้จริง ๆ และมีการแลกเปลี่ยนทันที ณ จุดซื้อขาย ซึ่งคำว่า สปอต (Spot) ก็หมายความถึง ในช่วงเวลาที่สั้นมาก ซึ่งสะท้อนวิธีการซื้อขายนี้ได้เป็นอย่างดี การใช้วิธีนี้มักเป็นการซื้อขายที่มีมูลค่าการซื้อขายจำนวนมากเนื่องจากเป็นการแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเวลาที่เรากล่าวถึงตลาด Forex เราก็มักหมายถึงตลาดสปอตนี้ เช่น การเทรดอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาสปอตที่เป็นการเสนอซื้อขายกันเองระหว่างคู่ค้า เช่น การเทรดกับ Mitrade, IG หรือ XM

  • ตลาดซื้อขายค่าเงินล่วงหน้าฟอร์เวิร์ด (Forward forex market)

ตลาดนี้เป็นการตกลงซื้อขายสกุลเงินด้วยราคาที่มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้า และจะมีการแลกเปลี่ยนกันในอนาคต ส่วนใหญ่แล้วการซื้อขายในตลาดฟอร์เวิร์ดมักเกิดขึ้นแบบตกลงซื้อขายกันเอง (Over-the-Counter – OTC) ทำให้มีลักษณะสัญญาที่มีเงื่อนไขเฉพาะและแตกต่างกันออกไปได้

  • ตลาดซื้อขายค่าเงินล่วงหน้าฟิวเจอร์ส (Futures forex market)

ตลาดนี้เป็นการซื้อขายที่มีลักษณะเป็นสัญญาที่จะซื้อหรือขายสกุลเงิน ณ ราคาที่กำหนดไว้ในอนาคต ซึ่งในตลาดฟิวเจอร์สนี้สัญญาซื้อขายจะมีลักษณะเป็นมาตรฐาน ทั้งจำนวนสินค้าต่อสัญญา รวมถึงกำหนดวันที่จะทำการซื้อขายในอนาคต (Series) และมีการซื้อขายกันในตลาดที่เป็นทางการ เช่น การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดชิคาโก (Chicago Mercantile Exchange)

การซื้อขายทั้งในตลาดฟอร์เวิร์ดและฟิวเจอร์สต่างก็มักจะมีลักษณะผูกพันให้มีการชำระราคาเป็นเงินสดในวันที่สัญญาหมดอายุ แต่ในทางปฏิบัติแล้วตัวสัญญามักมีการขายออกไปเพื่อปิดสถานะก่อนที่จะถึงวันหมดอายุเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระราคาก็ตาม 

อย่างไรก็ดีการใช้เครื่องมืออย่างฟอร์เวิร์ดและฟิวเจอร์สก็สามารถนำมาใช้ประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับบริษัทที่ทำการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงสถาบันการเงินที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งนักเก็งกำไรก็จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้แทน

3. ความได้เปรียบของการเทรด Forex

ความได้เปรียบของการเทรด Forex

จากความหลากหลายของคู่เงินที่มีอยู่ในตลาดและความเฉพาะตัวของเครื่องมือการเทรดที่มักอยู่ในรูปตราสารอนุพันธ์ ทำให้การเทรด Forex นั้นสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับนักเทรดในหลายด้าน 

  • ใช้ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

การทำกำไรจากตลาดขาลง (Short Selling) เป็นความได้เปรียบหนึ่งของการเทรด Forex อยู่แล้ว เนื่องจากในการเทรด Forex นั้นเมื่อมีการซื้อสกุลเงินหนึ่ง (ค่าเงินพื้นฐาน – Base Currency) ก็จำเป็นต้องมีการขายสกุลเงินหนึ่ง (ค่าเงินอ้างอิง – Quote Currency) ออกไปเสมอ เช่น คู่เงิน GBP/EUR จะมี GBP เป็นค่าเงินพื้นฐาน และมี EUR เป็นค่าเงินอ้างอิง ซึ่งหากคุณมองว่าค่าเงินปอนด์จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร คุณก็สามารถซื้อคู่เงินนี้ (ซึ่งเป็นการ Long GBP & Short EUR) และคาดหวังผลกำไรจาก GBP/EUR ในทิศทางขาขึ้น หรือหากมองว่าค่าเงินปอนด์กำลังจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ก็สามารถคาดหวังผลกำไรจากการขาย (Short) GBP/EUR ได้ในวิธีเดียวกัน

  • มีสภาพคล่องสูง

ตลาด Forex ได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในหนึ่งวันตลาดนี้มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกิดจากการทำธุรกรรมของทั้งนักลงทุนรายย่อย หน่วยธุรกิจ สถาบันการเงิน ธนาคารพานิชย์ รวมถึงธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ซึ่งสภาพคล่องที่สูงขนาดนี้เอื้อให้เกิดการซื้อขายได้ดีโดยไม่เสียราคา จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการแสวงหาผลกำไร

  • สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 5 วันทำการ

เนื่องจากไม่ได้มีตลาดซื้อขายเฉพาะที่ แต่มีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนไปตามเมืองสำคัญทางการเงินในเขตเวลาต่าง ๆ ของโลกที่มีการเหลื่อมเวลาทำการ ทำให้การเทรด Forex เกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมงใน 1 วันและตลอด 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้นักลงทุนไม่พลาดทุกโอกาสการทำกำไร

  • สามารถใช้ประกันความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้

การประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเป็นการพยายามลดหรือจำกัดผลขาดทุนเอาไว้เท่าที่เราระบุไว้ได้อย่างแน่ชัด ซึ่งวิธีที่ดีก็คือการเลือกคู่เงินหลาย ๆ คู่ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาสัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะ เช่น GBP/USD และ EUR/USD ที่มักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งจะช่วยให้คุณจำกัดผลขาดทุนที่เป็นความเสี่ยงลงได้

  • มีการใช้เลเวอเรจ

การใช้เลเวอเรจหมายถึงการที่นักเทรดสามารถใช้เงินลงทุนจำนวนน้อย แต่สามารถขยายความสามารถในการทำกำไรจากเงินต้นนั้นได้อีกเป็นหลายเท่าตามอัตราส่วนที่ผู้ให้บริการตกลงไว้ เช่น การใช้เลเวอเรจ 50:1 นั่นหมายความว่าคุณสามารถเทรดสัญญามูลค่า $50 ได้ด้วยการวางเงินประกันเพียง $1 เท่านั้น ซึ่งผลกำไรหรือขาดทุนนั้นจะอ้างอิงจากมูลค่าของสัญญา และด้วยวิธีนี้ทำให้นักเทรดสามารถวางเงินเพียงเล็กน้อยแต่คาดหวังผลกำไรขนาดหลายเท่าตัวได้ เช่นเดียวกับผลขาดทุน

  • มีต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ

การเทรด Forex มีต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ ส่วนใหญ่อ้างอิงอยู่กับค่าบริการของโบรกเกอร์และค่าคอมมิชชั่น แต่ค่าคอมมิชชั่นก็ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ทุกโบรกเกอร์เรียกเก็บ เนื่องจากรายได้หลักของโบรกเกอร์มักมาจากค่าสเปรดราคา แต่การเก็บค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็คิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้นหรือสินค้าอื่น ๆ 

4. ข้อควรระวังของการเทรด Forex

ข้อควรระวังของการเทรด Forex

ทั้งนี้ แม้การเทรด Forex จะสร้างความได้เปรียบในหลายด้านให้กับนักเทรด แต่ก็ยังมีข้อควรระวังอีกเล็กน้อย 

  • มีความเสี่ยงจากการใช้เลเวอเรจ

ตลาด Forex มีการนำเลเวอเรจมาใช้ในอัตราสูง ขณะที่ความผันผวนของราคานั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีข้อจำกัด ทำให้แม้ว่าด้านหนึ่งจะเป็นโอกาสในการทำกำไรอย่างไม่มีข้อจำกัด แต่ในอีกทางหนึ่งก็สามารถทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินทุนทั้งหมดในพอร์ตได้หากมีการวางแผนที่ไม่รัดกุมพอ และเพื่อให้นักลงทุนจัดการกับความเสี่ยงนี้ได้ หลายโบรกเกอร์จึงเสนอเครื่องมือจำกัดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยการใช้ Stop Loss/ Protection Stop และการป้องกันยอดเงินในบัญชีติดลบ เพื่อเข้ามีมีส่วนในการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน

  • มีความเสี่ยงจากผู้ให้บริการ

เนื่องจากโบรกเกอร์ผู้ให้บริการเทรด Forex นั้นสามารถหาได้ง่ายตามเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ตทั่วไป แต่ไม่ใช่ว่าทุกโบรกเกอร์จะมีการให้บริการได้เหมือนกัน และหากนักลงทุนเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือมีแหล่งที่มาที่ไม่ชัดเจน ก็อาจจะพบเข้ากับนักฉ้อฉลได้ คนกลุ่มนี้อาจเพียงแค่ขโมยข้อมูลที่คุณลงทะเบียนไว้ หรือมากไปจนถึงขั้นยักยอกเงินลงทุนทั้งหมดไปเลยก็ได้ และสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอเวลาเลือกโบรกเกอร์เทรด Forex ก็คือจำเป็นต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง และได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี

5. จะเริ่มต้นเทรด Forex ได้อย่างไร

เมื่อเราทราบข้อมูลเกี่ยวกับตลาด Forex รวมถึงกลยุทธ์การเทรด Forex กันไปบ้างแล้ว เรามาดูกันต่อเลยว่าจะมีวิธีเริ่มต้นเทรด Forex กันอย่างไร

1) เลือกโบรกเกอร์

ระมัดระวังในการเลือกโบรกเกอร์ที่จะเปิดบัญชีซื้อขายด้วย ซึ่งควรเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของนักเทรดได้ ควรเป็นโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ASIC, FCA, CIMA และมีการเก็บรักษาเงินทุนของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยในบัญชีแยกต่างหากจากบัญชีของบริษัทเพื่อป้องกันการใช้เงินผิดประเภท ระลึกไว้เสมอว่านอกจากบริการเช่น เลเวอเรจที่ให้ แพลตฟอร์มการเทรดที่ครบครัน ค่าคอมมิชั่นที่สมเหตุสมผล ความปลอดภัยของเงินทุนและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ก็ยังนับเป็นปัจจัยที่สำคัญ

2) เปิดบัญชี

เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้วนักเทรดสามารถเริ่มเปิดบัญชีได้โดยการลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง บัญชีธนาคาร ฯลฯ สำหรับการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม 

3) โอนเงินเข้าบัญชี

เมื่อโบรกเกอร์ยืนยันการเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว นักเทรดสามารถโอนเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่โบรกเกอร์สนับสนุน เช่น ธนาคารออนไลน์, QR Code, หรือแม้แต่การตัดเงินผ่านบัตรเดบิต/เครดิต เพื่อเตรียมเงินทุนไว้ในบัญชีสำหรับการเริ่มเทรด

4) เริ่มต้นหาโอกาสสำหรับการเทรด

ถึงเวลาที่ต้องเลือกคู่เงินสำหรับการเทรด ซึ่งอาจเลือกจากการวิเคราะห์เองหรือหาไอเดียจากข่าว/บทวิเคราะห์ที่โบรกเกอร์เสนอให้ จากนั้นก็เริ่มส่งคำสั่งซื้อขายได้ทันที แต่ถ้าหากว่ายังไม่มั่นใจกับการเทรดนี้ก็อาจใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) ที่มีเงินทุนเสมือนจริงมาเริ่มซื้อขายได้ก่อน โดยที่ไม่มีผลหรือความเสี่ยงเกิดขึ้นกับเงินทุนจริง ๆ ในพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด

6.โบรเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด

  • Mitrade
โบรเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด - Mitrade

MiTrade เป็นโบรกเกอร์ Forex สัญชาติออสเตรเลียที่มีสำนักงานใหญ่ที่เมลเบิร์น MiTrade ได้รับการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานที่มีอำนาจ รวมถึง หน่วยงานด้านการเงินของเกาะเคย์แมน (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ด้วยใบอนุญาต AFSL เลขที่ 398528 ทำให้การทำธุรกรรมและการดำเนินงานต้องเป็นไปตามข้อบังคับของ CIMA และ ASIC

สำหรับเงินฝากของลูกค้า MiTrade ได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเข้มงวด โดยเงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ในบัญชีทรัสต์แยกต่างหากจากบัญชีบริษัท MiTrade จะไม่ใช้เงินของลูกค้าในการป้องกันความเสี่ยงและเก็งกำไรในตลาด หากในกรณีที่ MiTrade ล้มละลาย เงินทุนลูกค้าก็ยังคงถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและถูกส่งกลับคืนได้ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเงินทุน

แม้ว่า MiTrade เป็นโบรกเกอร์ที่มาจากต่างประเทศ แต่ MiTrade มีทีมงานไทยให้บริการลูกค้าไทยเพื่อให้การเทรดเป็นไปได้อย่างราบรื่น โดยหน้าเว็บสนับสนุนภาษาไทย ช่องทางการฝากถอนเงินก็สนับสนุนการฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยออนไลน์และ QR code ด้วย หากติดปัญาในการเทรดหรือปัญหาใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามหรือหาความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คนไทยด้วย ถือว่าได้อำนวยความสะดวกให้กับเทรดเดอร์คนไทยอย่างมาก

Mitrade เปิดให้เทรดคู่สกุลเงินทั้งหมด 60 คู่ ให้เลเวอเรจสูงสุด 1:200 และปริมาณการซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 ล็อต ทำให้นักลงทุนแม้มีเงินทุนตั้งต้นไม่มากก็สามารถเริ่มต้นการเทรดได้ และ Mitrade ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเทรดและสเปรดก็ต่ำถึง 0.1 pip ด้วย สามารถช่วยนักลงทุนลดต้นทุนในการเทรดได้

  • XM
โบรเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด-XM

โบรเกอร์ XM เป็นโบรเกอร์ Forex สัญชาติไซปรัส โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองมาลีซอล XM ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงาน IFSC ของประเทศเบลีซด้วยใบอนุญาตเลขที่ 000261/106, CySEC ของประเทศไซปรัสด้วยใบอนุญาตเลขที่ 120/10 และ ASIC ของประเทศออสเตรเลียด้วยใบอนุญาตเลขที่ 443670

XM จะเก็บรักษาบัญชีของลูกค้าและบัญชีธนาคารกับสถาบันการเงินที่ได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือสูง ลูกค้าจึงสามารถวางใจว่าข้อมูลทางบัญชีและเงินทุนจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย

XM ให้บริการซื้อขายคู่เงิน 55 คู่เงิน ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:888 และปริมาณการซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 ล็อต และ XM ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเทรดและสเปรดก็ต่ำถึง 0.6 pip ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีของลูกค้า

ข้อมูลเพิ่มเติม>> Plus500 รีวิว Plus500 ดีไหม

  • FXTM
โบรเกอร์ forex - FXTM

FXTM เป็นโบรกเกอร์ Forex สัญชาติไซปรัส โดยมีสำนักงานใหญ่ในสลีมาสโซล ได้รับการอนุญาตและกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงิน CySEC ของประเทศไซปรัสด้วยเลขที่ใบอนุญาต 185/12, FCA ของประเทศอังกฤษด้วยเลขที่ใบอนุญาต 777911 และ FSC ของประเทศมอริเชียสด้วยเลขที่ใบอนุญาต C113012295

FXTM ให้เลเวอเรจตัวสูงถึง 1:2000 ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี สปรดเริ่มต้นที่ 0 แต่มีการเก็บค่าธรรมเนียมด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม>> FXTM ดีไหม รีวิว FXTM แบบละเอียดปี 2021

ถึงตรงนี้การพูดถึงตลาด Forex ก็คงไม่ใช่เรื่องลึกลับเข้าใจยากอีกต่อไป เพราะแท้จริงแล้วการเทรด Forex นั้นก็ไม่ต่างจากการเทรดสินค้าประเภทอื่นนัก เพียงแต่ยังคงมีรายละเอียดของสินค้าเช่นสกุลเงินต่าง ๆ รวมถึงเครื่องมือที่มีการนำ CFD มาใช้สำหรับการเทรดที่แม้จะสร้างความได้เปรียบมากมาย ก็ยัคงต้องใช้ความระมัดระวังในการเทรดเช่นกัน และคำถามที่ว่า Forex คืออะไร จะเริ่มเทรด Forex ได้อย่างไรก็คงได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว

FAQ: ศัพท์ใช้บ่อยในการเทรด Forex

  • ค่าเงินพื้นฐาน(base currency) / ค่าเงินอ้างอิง (quote currency) คือค่าเงินที่นำมาเข้าคู่กันจะมีตัวหนึ่งที่เป็นตัวหลักที่เรียกว่าค่าเงินพื้นฐาน และอีกตัวหนึ่งที่ใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ ที่เรียกว่าค่าเงินอ้างอิง เช่น EUR/USD = 1.17398 หมายความว่าการแลกเงิน 1 USD ต้องใช้เงิน 1.17398 EUR ซึ่งการเปรียบเทียบคู่เงินแบบนี้ทำให้สะดวกต่อการระบุค่าและความเปลี่ยนแปลงมากกว่าการระบุค่าเงินเป็นรายตัว
  • ราคารับซื้อ (Bid Price) / ราคาขาย (Ask Price) ซึ่งราคาซื้อ (Bid Pirce) นี้คือราคารับซื้อ ณ เวลานั้น โดยที่คนที่ต้องการขายสารมารถขายที่ราคานี้ได้ทันที (เพราะมีคนรอซื้ออยู่) ขณะที่ราคาขาย (Ask Price) คือราคาเสนอขาย ณ ตอนนั้น ที่คนซื้อสามารถเคาะซื้อมาได้ทันทีเช่นกัน

  • เงินวางประกัน (margin) คือเงินทุนตั้งต้นที่นักเทรดต้องวางไว้เป็นขั้นต่ำสำหรับการเปิดสัญญาหนึ่ง ๆ 

  • อัตราทด หรือ เลเวอเรจ (leverage) คือ ตัวคูณความสามารถในการทำกำไรของเงินวางประกันหรือเงินลงทุนตั้งต้นที่นักเทรดวางไว้ในการเปิดสัญญา เช่น อัตราทด 1:20 หมายความว่าการวางเงิน $1 มีผลเทียบเท่าการซื้อขายด้วยเงินทุน $20 เป็นต้น

  • ล็อต (lot) คือปริมาณหน่วยการซื้อขายในตลาด Forex โดยที่ปกติแล้วจะมีขั้นต่ำของการเทรดที่ 0.01 ล็อต และจำนวนสูงสุดตามที่แต่ละโบรกเกอร์กำหนด

  • ปิ๊บ (pip) คือหน่วยการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด Forex ที่ส่วนใหญ่มักมีการเปลี่ยนแปลงในรูปทศนิยมหลายตำแหน่ง ซึ่งปิ๊บจะเป็นการระบุการเปลี่ยนแปลงของทศนิยมหลักที่ 4 ที่มักจะเป็นตัวสุดท้ายของราคา และการที่ราคาเปลี่ยนแปลงไป 50 ปิ๊บนั่นก็หมายถึงเปลี่ยนไป 0.0050 ซึ่งจะเป็นตัวที่มีผลต่อกำไรและขาดทุนที่นักเทรดจะได้นั่นเอง

  • OTC (over-the-counter) เป็นการซื้อขายรูปแบบหนึ่งในตลาดการเงินที่ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องเจรจากันเอง ซึ่งแม้จะเป็นการยุ่งยากลำบาก แต่ก็มีข้อดีในแง่ที่สามารถระบุเงื่อนไขของสัญญาได้แบบเฉพาะเจาะจง จึงเหมาะสำหรับใช้ทำการตกลงซื้อขายขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย

  • ตราสารอนุพันธ์ (derivatives) เป็นสัญญาทางการเงินที่สร้างขึ้นมาสำหรับการบริหารความเสี่ยง โดยที่จะตกลงราคาซื้อขายและวันหมดอายุไว้ล่วงหน้า แต่สามารถใช้ตราสารนี้ซื้อขายได้ทันที ทำให้แม้จะไม่มีสินค้าในมือนักลงทุนก็สามารถเข้าสู่ตลาดและเริ่มทำการซื้อขายสินค้าตัวนั้นได้ทันที และมักมีจุดเด่นในแง่การนำอัตราทดมาใช้

  • สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference – CFD) เป็นตราสารอนุพันธ์รูปแบบหนึ่งที่ทำกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ให้บริการผ่านโบรกเกอร์ซื้อขาย CFD โดยเฉพาะ โดยที่ยังคงความได้เปรียบจากตราสารอนุพันธ์มาไว้ครบ โดยเฉพาะการใช้ทำกำไรได้ทั้งทิศทางขาขึ้นและขาลง รวมถึงการนำอัตราทดมาใช้ ทำให้สามารถลงทุนด้วยเงินตั้งต้นน้อยแต่คาดหวังผลกำไรจำนวนมากได้
เทรด forex กับ Mitrade เดี๋ยวนี้