สกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) คืออะไร ใช้ลงทุนแบบไหนได้บ้าง

ปัจจุบันสกุลเงินดิจิตอลกลายมาเป็นสินทรัพย์ที่ถูกจับตามองและได้รับความนิยมสูงมากว่าทศวรรษแล้ว ซึ่งคุณอาจกำลังสงสัยว่าสกุลเงินดิจิตอลนี้คืออะไร ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร และควรจะมีไว้ในพอร์ตการลงทุนหรือไม่ แต่หากคุณไม่ได้คุ้นเคยกับสกุลเงินดิจิตอลหรือเทคโนโลยีบล็อกเชนมาก่อน การจะเริ่มพูดถึงคอนเซปต์พื้นฐานของเจ้าสกุลเงินดิจิตอลนี้ก็สามารถเล่าได้ยาวและกินเวลามากแล้ว 

แต่ในคราวนี้เราจะมาสรุปย่อเนื้อหาเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลว่า สกุลเงินดิจิตอลคืออะไร สกุลเงินดิจิตอลทำงานได้อย่างไร ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนรูปแบบนี้มีอะไรบ้าง รวมไปจนถึงวิธีการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลแบบรวบสั้นกัน

1. สกุลเงินดิจิตอลคืออะไร

สกุลเงินดิจิตอล (Digital Currency) หรือ สกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency) เป็นสกุลเงินเสมือนที่ใช้งานบนเครือข่ายบล็อกเชน โดยมีจุดเด่นตรงที่เป็นสกุลเงินที่กระจายอำนาจ และสามารถนำไปใช้ชำระค่าซื้อขายสินค้าและบริการได้เหมือนสกุลเงินทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสามารถในการเก็บรักษามูลค่ารวมถึงเพิ่มมูลค่า ซึ่งคุณสมบัตินี้เองที่เตะตานักลงทุนให้เข้ามาสนใจสินค้าตัวนี้มากขึ้น

โลกของสกุลเงินดิจิตอลเริ่มต้นขึ้นจากการเปิดตัวของ Bitcoin ซึ่งได้รับการกล่าวถึงอย่างยิ่งใหญ่ในแง่ที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลตัวแรกที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนถูกนำมาใช้งานจริงในอีกหลายปีให้หลัง Bitcoin มีการทำงานด้วยระบบชำระเงินแบบ Peer-to-Peer ซึ่งยืนยันว่าระบบนื้เป็นแบบกระจายศูนย์และไม่มีตัวกลางในการทำธุรกรรม 

หลังจากสกุลเงินดิจิตอลตัวแรกอย่าง Bitcoin เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แน่นอนว่าก็มีสกุลเงินดิจิตอลตัวอื่น ๆ ทยอยเข้าสูตลาดเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นในแต่ละปี

2. สกุลเงินดิจิตอลทำงานอย่างไร

สกุลเงินดิจิตอลทำงานคล้ายกับสกุลเงินทั่วไปที่สามารถนำไปชำระสินค้าและบริการอื่น ๆ รวมถึงเก็บไว้เพื่อรักษามูลค่าของตัวมันเอง แต่ในความเหมือนนี้ก็ยังคงมีความแตกต่างตรงที่เทคโนโลยีเบื้องหลังหรือการทำงานเบื้องหลังของสกุลเงินดิจิตอลนี้เอง ขณะที่สกุลเงินเฟียสทำงานได้โดยมีสินทรัพย์หรือรัฐบาลหนุนหลัง ขับเคลื่อนโดยสถาบันการเงินต่างๆ  เช่นธนาคารพานิชย์ แต่สกุลเงินดิจิตอลทำงานขึ้นจากเทคโนโลยีและการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหลัง

ธุรกรรมของสกุลเงินดิจิตอลจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Ledger) ซึ่งบัญชีเหล่านี้เรียกว่าบล็อกเชน และทุก ๆ ครั้งที่เกิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลก็จะเกิดคำสั่งเริ่มต้นการทำธุรกรรมเข้าสู่บล็อกเชน ซึ่งเป็นเครือข่ายฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งรวมผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอลนั้น ๆ มาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าใครต่างก็สามารถเข้าร่วมเครือข่ายบล็อกเชนนี้ได้ แต่ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ข้อมูลผู้ถือบัญชี ข้อมูลการทำธุกรรม ฯลฯ จะไม่ถูกเปิดเผย แต่จะถูกบันทึกไว้ในรูปรหัสข้อมูลเท่านั้น ทำให้ระบบนี้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูง ขณะเดียวกันก็เปิดเผยโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบธุรกรรม(โดยไม่ทราบตัวตน)ด้วยการแกะรหัสย้อนกลับได้ 

ในทุก ๆ ธุรกรรมที่ส่งเข้าสู่เครือข่ายบล็อกเชน จะมีกระบวนการทางดิจิตอลที่ช่วยยืนยันและตรวจสอบการทำธุรกรรมเพื่อป้องกันการฉ้อฉล และระบบบล็อกเชนของสกุลเงินดิจิตอลที่ออกแบบไว้อย่างดีจะสามารถป้องกันการทำธุรกรรมซ้ำซ้อนและป้องกันการโกงในระบบได้

3. ทำไมสกุลเงินดิจิตอลถึงกลายมาเป็นที่นิยมในวงกว้าง

ขณะที่ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมของสกุลเงินดิจิตอลจะกลายเป็นจุดขายหลักของการใช้งานสกุลเงินนี้ แต่สำหรับการลงทุนแล้วสกุลเงินดิจิตอลยังมีความเป็นไปได้อื่นที่ทำให้ขึ้นมาเป็นจุดเด่นท่ามกลางสินทรัพย์มากมายในตลาด และเหล่านี้คือความได้เปรียบบางประการของการลงทุนด้วยสกุลเงินดิจิตอล ได้แก่

  • ความผันผวน

สกุลเงินดิจิตอลมักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดเงินเกิดความตื่นเต้นตกใจอยู่เสมอ ด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวนในแบบที่สามารถบวกลบในวันได้เป็นหลักสิบเปอร์เซนต์ ซึ่งนับเป็นช่วงราคาที่กว้างมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ และจุดนี้เองที่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าเก็งกำไรของนักเทรด

  • ชั่วโมงการเทรด

จริงอยู่ที่ยังมีสินทรัพย์ตัวอื่น เช่น ทองคำ หรือ น้ำมัน และสกุลเงิน ที่มีการเทรดตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ตลอด 5 วันทำการของสัปดาห์ แต่สำหรับสกุลเงินดิจิตอลแล้วสามารถไปได้มากกว่านั้น

ตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลสามารถเปิดทำการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และตลอด 7 วันในหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ไม่มีตัวกลางในการกำกับดูแลการซื้อขายในตลาด การซื้อขายเป็นไปด้วยการทำธุรกรรมของผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น และยังสามารถทำการซื้อขายได้ทั่วโลกในทันที

จากประโยชน์ในด้านนี้สกุลเงินดิจิตอลก็คลี่คลายความกังขาของผู้ใช้งานในปี 2009 และกลายมาเป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

  • ความสามารถในการประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

สกุลเงินดิจิตอลหลายชนิดมีการจำกัดปริมาณเงินในระบบไว้ตายตัวเช่น Bitcoin หรือมีการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างแน่นอน เช่น Ethereum และในบางสกุลเงิน เช่น Binance ก็ยังมีการเผาเหรียญในระบบออกไป ทำให้โอกาสในการเกิดเงินเฟ้อขึ้นในระบบเป็นไปได้น้อยมาก ซึ่งปัจจัยนี้ทำให้สกุลเงินดิจิตอลแตกต่างจากค่าเงินเฟียสที่นักลงทุนจะไม่รู้เลยว่าธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะเข้ามาดำเนินนโยบายอย่างไรกับปริมาณเงินในระบบจนอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นได้บ้าง ซึ่งหากมองในแง่นี้การลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลจึงมีแนวโน้มการเสื่อมค่าของเงินน้อย และเป็นที่สนใจของนักลงทุน

  • ความสามารถในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

มีนักลงทุนบางส่วนมองว่าสกุลเงินดิจิตอลสามารถเป็นทางเลือกสำหรับการประกันความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนคล้ายกับการประกันความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนด้วยทองคำ จากงานศึกษาการใช้ Bitcoin ประกันความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนร่วมกับพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ในอเมริกา ยุโรป และจีน พบว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งในแง่นี้มีผลในด้านผลตอบแทนแต่ไม่ได้ลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งหากการลงทุนตั้งแต่ปี 2015-2020 มี Bitcoin ในพอร์ต 10% และ SP500 90% จะสามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีได้กว่า 26.8% ทีเดียว

4. ข้อควรระวังสำหรับการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล

จากที่กล่าวมา สกุลเงินดิจิตอลอาจสร้างความได้เปรียบหลายด้านให้กับนักลงทุน แต่ทุกอย่างก็มีจุดด้อยและข้อควรระวัง และสำหรับสกุลเงินดิจิตอลก็มีข้อควรระวังในการลงทุนเช่นกัน กล่าวคือ

  • ความผันผวน

ความผันผวนของสกุลเงินดิจิตอลสามารถสร้างผลตอบแทนได้จำนวนมาก ในทางกลับกันปัจจัยนี้ก็ถือเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาในการลงทุนด้วย ดังนั้นหากคุณตัดสินใจที่จะเข้าสู่ตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล ควรมั่นใจว่าทำการบ้านมาดีทั้งการหาข้อมูลและการนำกลยุทธ์บริหารจัดการความเสี่ยงมาใช้ได้เป็นอย่างดี

  • ร้านค้าที่รับชำระราคายังมีจำกัด

แม้ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ จะได้รับความนิยมสูงขึ้น และมีการนำมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแพร่หลายขึ้น แต่ร้านค้าที่รับชำระด้วยสกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้ก็ยังนับเป็นจำนวนที่ไม่มาก เนื่องด้วยส่วนหนึ่งจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิตอลที่มีความผันผวนสูงและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

  • ไม่มีการควบคุมตรวจสอบ ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง

สกุลเงินดิจิตอลถูกสร้างขึ้นมาในภาคเอกชนที่ต้องการเป็นอิสระจากอำนาจกำกับดูแลของรัฐทำให้อยู่นอกเหนือจากการควบคุมดูแลของหน่วยงานใด ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าสกุลเงินดิจิตอลสามารถถูกใช้งานได้อย่างกว้างขวางรวมถึงการฉ้อโกงนักลงทุน ในปี 2019 งานศึกษาพบว่าผู้ใช้ Bitcoin กว่า 25% มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย และธุรกรรมของ Bitcoin กว่า 46% ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายเช่นกัน

5. จะขุดเหรียญเงินดิจิตอลได้อย่างไร

จะขุดเหรียญเงินดิจิตอลได้อย่างไร

การขุดเหรียญเงินดิจิตอลเป็นกระบวนการทำให้เกิดเหรียญใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกก่อนที่จะนำออกมาหมุนเวียนใช้ในระบบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับการขุดแร่หรือขุดทองคำ เพียงแต่ไม่ได้มีตัวสินทรัพย์ที่จับต้องได้เท่านั้น ซึ่งปกติแล้วในทางทฤษฎีจะบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่คนทั่วไปจะสามารถขุดเหรียญดิจิตอลออกมาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องยากมากที่คนทั่วไปจะขุดเหรียญได้โดยเฉพาะในระบบที่มีการแข่งขันสูงอย่าง Proof-of-work ที่ Bitcoin นำมาใช้

แต่เดิมเครือข่าย Bitcoin ยังมีผู้ใช้งานไม่มากนัก การแข่งขันไม่สูง เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปก็สามารถขุดเหรียญได้ด้วยกำลังไฟฟ้าไม่มาก แต่เมื่อเครือข่ายการใช้งาน Bitcoin ขยายใหญ่ขึ้น การขุดเหรียญก็เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น มีการแข่งขันมากขึ้น และจำเป็นต้องใช้พลังงานในการขุดมากขึ้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะขุดเหรียญออกมาได้ จนดูเป็นทางเลือกที่ไม่น่าสนใจไป

ยิ่งไปกว่านั้นการขุดเหรียญยังเรียกร้องการใช้กำลังไฟฟ้าที่มาก และพลังงานกว่า 0.21% ที่ใช้กันในโลกถูกใช้ไปเพื่อการทำฟาร์มขุดเหรียญ Bitcoin ซึ่งกำลังไฟฟ้าขนาดนี้เทียบเท่ากับพลังงานที่ใช้ในสวิตเซอร์แลนด์ใช้ในรอบหนึ่งปีทีเดียว และยังประเมินกันว่าต้นทุนค่าไฟฟ้าเหล่านี้จะกินส่วนแบ่งกว่า 60-80% ของกำไรที่นักขุดจะได้จากการขายเหรียญ Bitcoin ออกไปทีเดียว 

ดังนั้นแม้การขุดเหรียญด้วยตัวเองจะฟังดูดีและเชื่อว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้นักขุดได้เป็นเจ้าของเหรียญ แต่โอกาสเหล่านี้ก็เป็นไปได้ยากมากสำหรับนักขุดมือสมัครเล่นหรือคนทั่วไปเนื่องจากมีกระบวนการซับซ้อน ยุ่งยาก และไม่คุ้มค่านัก

6. จะลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลได้อย่างไร

ปัจจุบันนอกเหนือไปจากการขุดเหรียญแล้วเรายังมีทางเลือกอื่นสำหรับการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลอีกมากมายที่สะดวกสบายและรวดเร็วกว่ามาก โดยมีวิธีหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมอยู่สองวิธี คือ

6.1  ซื้อขายเหรียญในกระดานแลกเปลี่ยน 

วิธีนี้เป็นวิธีการที่ทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของเหรียญสกุลเงินดิจิตอลในเวลาที่เร็วขึ้นและสะดวกขึ้น นั่นคือจ่ายเงินเพื่อให้ได้มันมาผ่านตัวกลางที่ทำหน้าที่เป็นตลาดซื้อขายจับคู่การทำธุรกรรมกับนักลงทุนอื่น ๆ ทำให้วิธีนี้นักลงทุนจะได้เป็นเจ้าของเหรียญเองได้ทันที และมีวิธีทำกำไรได้ในคอนเซปต์ง่าย ๆ นั่นคือ การซื้อเหรียญดิจิตอลให้ได้ในราคาที่ถูก และนำไปขายต่อในราคาที่แพงขึ้น ซึ่งส่วนต่างนี้เองจะกลายเป็นผลกำไร

การซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอลในกระดานแลกเปลี่ยนมีวิธีการง่าย ๆ ดังนี้

1) เลือกผู้ให้บริการซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอล

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการมากมายซึ่งมักมีค่าธรรมเนียมการให้บริการไม่ต่างกันนัก แต่จะต่างกันตรงที่จำนวนเหรียญที่ให้บริการซื้อขายในกระดาน แพลตฟอร์ม/ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ และความน่าเชื่อถือที่แต่ละเจ้ามีไม่เหมือนกัน เช่น Coinbase, Gemini, and Kraken ซึ่งนักลงทุนควรคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการให้มาก

2) สร้างบัญชีซื้อขาย

เมื่อเลือกผู้ให้บริการได้แล้วก็สามารถลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายได้ผ่านทางเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ การลงทะเบียนของหลาย ๆ เจ้ามักเรียกร้องให้นักลงทุนยืนยันตัวตนและอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการอนุมัติ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องเผื่อเวลาสำหรับการเปิดบัญชีไว้ 1-2 วันด้วย

3) โอนเงินเข้าบัญชี

เนื่องจากการซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอลจำเป็นต้องทำผ่านตัวกลาง นักลงทุนจึงจำเป็นต้องโอนเงินเพื่อให้ตัวกลางเก็บรักษาไว้สำหรับชำระราคาในการซื้อขายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการโอนเงินมาก เช่น โอนผ่านธนาคารออนไลน์ ตัดบัตรเดบิต/เครดิต หรือแม้แต่การชำระผ่านช่องทางออนไลน์อื่น ๆ และควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมการโอนเงิน/ถอนเงินสำหรับผู้ให้บริการแต่ละเจ้าด้วย

4) ส่งคำสั่งซื้อขาย

เมื่อบัญชีและวงเงินพร้อมสำหรับการซื้อขาย นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อให้ได้เหรียญมาไว้ในกระเป๋าของตัวเองได้ทันที ทั้งนี้จำเป็นต้องเผื่อวงเงินสำหรับค่าธรรมเนียมที่ตัวกลางเรียกเก็บไว้ส่วนหนึ่งด้วย ทำให้ไม่สามารถซื้อขายเหรียญได้เต็มวงเงินตามที่โอนเข้าไปในบัญชี

5) เลือกรูปแบบการเก็บรักษาเหรียญ

เนื่องจากเหรียญสกุลเงินดิจิตอลไม่ใช่สิ่งของที่จับต้องได้ ภายหลังจากได้เหรียญมาไว้ในบัญชีแล้วนักลงทุนจำเป็นต้องเลือกวิธีจัดเก็บเหรียญให้ปลอดภัย และห่างไกลจากโอกาสที่จะถูกแฮ็กหรือโจรกรรม ซึ่งกระเป๋าเงินที่มากับตัวกลางผู้ให้บริการซื้อขายนั้นอาจยังไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ จึงควรโอนเหรียญที่ได้ไปเก็บไว้ใน Hot Wallet หรือ Cold Wallet เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ช่วยให้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของเหรียญและได้รับประโยชน์จากการถือเหรียญสกุลเงินดิจิตอลได้อย่างแท้จริง  เช่น การนำไปทำ Yeild Farming หรือ การได้ผลตอบแทนจากการถืออย่างการได้ Airdrop Token ฯลฯ
  • เป็นวิธีการที่สะดวกสำหรับการลงทุนในเหรียญสกุลเงินดิจิตอลในระยะยาว เนื่องจากไม่มีต้นทุนในการถือเหรียญทำให้สามารถถือไปได้ในระยะยาว โดยไม่มีต้นทุนอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายทั่วไป
  • มีความเสี่ยงในการถือครอง เช่น กระเป๋าเงินถูกแฮ็กการลืมรหัสผ่านหรือทำอุปกรณ์กระเป๋าเงินหายหรือพัง
  • ใช้ทำกำไรได้ในทิศทางราคาขาขึ้นอย่างเดียว คือทำกำไรได้เฉพาะการซื้อถูกขายแพงเท่านั้น
  • เป็นการจ่ายเงินเต็มมูลค่าไปก่อนล่วงหน้า โดยที่ไม่สามารถวางเงินเพียงบางส่วนหรือการใช้มาร์จิ้นได้
  • มีข้อจำกัดในการฝากเงินที่มีเพดานการฝากเงินที่จำกัด สำหรับนักลงทุนรายย่อยมักมีข้อจำกัดจำนวนเงินฝากขั้นสูงเอาไว้ ทำให้การทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงทำได้ยาก
  • อาจมีค่าธรรมเนียมการฝากเงิน/ถอนเงินเพิ่มเติม และมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูง ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการซื้อขายบ่อยครั้งหรือการเทรดในระยะสั้น

6.2 เก็งกำไรด้วยเครื่องมือทางอนุพันธ์ 

เครื่องมือทางอนุพันธ์คือตราสารแสดงสิทธิการซื้อขายโดยอิงราคากับสินค้าอ้างอิง และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลก็คือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference) หรือ CFD ซึ่งการซื้อขายด้วยสัญญาอนุพันธ์เหล่านี้จะทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องถือเหรียญหรือเป็นเจ้าของเหรียญมาก่อนก็สามารถซื้อขายเหรียญและทำกำไรบนส่วนต่างของราคาสกุลเงินดิจิตอลได้อย่างอิสระ

สำหรับการเทรดสกุลเงินดิจิตอลด้วย CFD มีขั้นตอนง่าย ๆ 4 ขั้นตอน ได้แก่

1) เลือกโบรกเกอร์ผู้ให้บริการซื้อขาย CFD ปัจจุบันมีผู้ให้บริการซื้อขาย  CFD มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดต่อผ่านออนไลน์ทำให้ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเงินทุนของนักลงทุนเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก โบรกเกอร์ที่เลือกควรได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ASIC, FCA, CIMA, FSCA, FSC ฯลฯ และเป็นโบรกเกอร์ CFD ที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลด้วย

2) เปิดบัญชีการซื้อขาย เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้วสามารถเปิดบัญชีผ่านหน้าเว็บไซต์ พร้อมการยืนยันตัวตน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะสามารถเริ่มใช้บัญชีได้ทันทีเมื่อได้รับการยืนยันจากโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ

3) โอนเงินเข้าบัญชี หลังจากได้รับการยืนยันเปิดบัญชีแล้วก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อขาย โดยสามารถโอนได้ผ่านธนาคารออนไลน์, QR Code, บัตรเดบิต/เครดิต รวมทั้งผู้ให้บริการทาการเงินออนไลน์อื่น ๆ 

4) ส่งคำสั่งซื้อขาย เมื่อบัญชีพร้อมสำหรับการซื้อขายแล้วก็สามารถเริ่มส่งคำสั่งซื้อขายได้ทันที ซึ่งหากนักลงทุนมองว่าราคาสกุลเงินดิจิตอลกำลังเป็นขาขึ้นให้เปิดสถานะ Long เพื่อคาดหวังกำไรจากส่วนต่างราคาขาขึ้น หรือหากมองว่าทิศทางราคาเป็นขาลงให้เปิดสถานะ Short เพื่อคาดหวังกำไรจากส่วนต่างราคาขาลง

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ไม่มีความเสี่ยงในการถือสถานะ เนื่องจำไม่จำเป็นต้องถือเหรียญเอาไว้เพื่อรอทำกำไร แต่ถือเป็นสัญญาซื้อขายแทน ทำให้ไม่มีความเสี่ยงการถูกโจรกรรมเหรียญ ไม่ถูกแฮ็ก และไม่สูญเสียสินทรัพย์ไปหากลืมพาสเวิร์ด
  • เทรดได้ทั้งราคาขาขึ้นและขาลง การเทรดด้วย CFD เป็นการทำกำไรจากส่วนต่างราคาสกุลเงินดิจิตอล ทำให้สามารถทำกำไรได้ทั้งทิศทางราคาขาขึ้นและขาลง ซึ่งนับเป็นหนึ่งในไม่กี่ผลิตภัณฑ์ที่ทำได้
  • มีความได้เปรียบจากการใช้อัตราทด ช่วยขยายความสามารถในการทำกำไรได้แม้ลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย
  • มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โดยปกติแล้วการซื้อขายในตลาดซื้อขายเหรียญดิจิตอล มักจะมีสภาพคล่องการซื้อขายน้อย แต่การเทรด CFD จะมีสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูงกว่า ซึ่งหมายความว่าการซื้อขายจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า
  • มีต้นทุนการซื้อขายต่ำ โดยปกติแล้วการเทรด CFD จะมีค่าสเปรดที่เป็นต้นทุนในการซื้อขาย แต่ก็มักจะเป็นจำนวนที่ไม่มาก ทำให้สามารถเทรดระยะสั้นได้โดยไม่กระทบกับผลกำไรมากนัก
  • ไม่มีการกำหนดเพดานเงินฝาก ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้มากเท่าที่ต้องการ
  • โบรกส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมการฝากถอนเงิน ทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับต้นทุนอื่น ๆ นอกเหนือไปจากต้นทุนค่าสเปรดราคา
  • ไม่ต้องกังวลมาตรการทางภาษีสำหรับการเทรด เนื่องจากกำไรจากการเทรด CFD ไม่มีการหักภาษีหรือต้องนำไปคำนวณภาษีแต่อย่างใด
  • มีค่าธรรมเนียมหากถือคำสั่งข้ามคืน
  • เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการเทรดด้วยอัตราทดจะสามารถขยายผลขาดทุนได้ด้วยหากคาดเอาผิดทาง

7. โบรกเกอร์ CFD ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดสกุลเงินดิจิตอล

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าไม่ใช่โบรกเกอร์ CFD ทุกโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล และเหล่านี้คือโบรกเกอร์ CFD สกุลเงินดิจิตอลที่เราเลือกมาฝากกัน

  • MiTrade
Mitrade

โบรกเกอร์ CFD สัญชาติออสเตรเลียที่ได้รับการกำกับดูแลจาก CIMA/ASIC ให้บริการซื้อขาย CFD อ้างอิงสินค้ามากมาย รวมถึงสกุลเงินดิจิตอลที่มีให้เลือกเทรดถึง 4 ชนิด ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, Litecoin,Bitcoin cash

MiTrade มีจุดเด่นที่

  • แพลตฟอร์มการเทรดมีการพัฒนาขึ้นเองด้วยการสำรวจความต้องการของนักเทรดโดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการในการเทรดอย่างแท้จริง ทำให้ได้แพลตฟอร์มที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก และเริ่มเทรดได้รวดเร็ว 
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น เสปรดการซื้อขายต่ำ เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักเทรด
  • แพลตฟอร์มทั้งหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นเทรดสนับสนุนภาษาไทย ทั้งยังมีฝ่ายบริการลูกค้าที่ให้บริการด้วยภาษาไทย 24 ชั่วโมงตลอด 5 วัน และยังรองรับการฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยด้วย ซึ่งได้อำนวยความสะดวกให้กับนักเทรดไทย
  • ให้เลเวอเรจสูงสุด 1:10 ปริมาณซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 ล็อต ช่วยนักลงทนลดต้นทุนและขยายขอบเขตในการทำกำไร

อย่างไรก็ดี การเทรด CFD สกุลเงินดิจิตอลกับ MiTrade ยังมีข้อจำกัดในแง่ที่ยังไม่รองรับการฝากถอนเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอล 

  • FXTM
FXTM

เป็นโบรกเกอร์ที่มีประวัติการให้บริการมากว่าสิบปี ดำเนินงานร่วมกับบริษัทย่อยอีกกว่า 3 แห่ง และได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานหลากหลาย ทั้ง FCA, CySec, FSCA, FSC สำหรับการเทรดสกุลเงินดิจิตอลด้วย CFD โบรกเกอร์ FXTM ให้บริการด้วยสกุลเงินดิจิตอล 4 ชนิด ได้แก่ 4 ชนิด Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Ripple

FXTM มีจุดเด่นที่

  • ให้บริการด้วยแพลตฟอร์ม MT4, MT5 และ WebTrader ที่นักลงทุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี 
  • มีสเปรดราคาที่แข่งขันได้ โดยการเทรด CFD บนสกุลเงินดิจิตอลของ FXTM มีการคิดระหว่าง 200 – 400 pips 
  • รองรับการฝากเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอล เช่น Bitcoin และ Crypto โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากเงิน 

ทั้งนี้ FXTM ยังมีข้อควรคำนึงถึงในเรื่องการถอนเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอลจะมีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน 1% และใช้เวลาในการถอนเงิน 24 – 48 ชั่วโมง

  • Plus500
Plus 500 Review 2021 » Full Scam Check

เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย มีประวัติการเปิดให้ดำเนินงานมาแล้วกว่าสิบปี และได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySec, ASIC ให้บริการเทรด CFD บนสกุลเงินดิจิตอล 9 ชนิด เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Stellar, Cardano, Tron ฯลฯ 

Plus500 มีจุดเด่นที่

  • ให้บริการด้วยแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง คือ Web Trader และ Plus500 ที่ครบครันด้วยเครื่องมือที่จำเป็น ทำให้ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น คิดค่าสเปรดแบบลอยตัวด้วยสเปรดราคาซื้อขายต่ำ ซึ่งคิดอยู่ระหว่างช่วง 0.56% – 3.28% ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในการซื้อขาย ณ ขณะนั้น ๆ
  • มีสกุลเงินดิจิตอลหลากหลายให้เลือก ไม่เฉพาะเพียงสกุลเงินหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น Stella, EOS, Monero, Tron ฯลฯ 

ทั้งนี้การเทรดกับ Plus500 ยังมีข้อที่นักเทรดต้องคำนึงถึงคือมีการคิดค่าธรรมเนียมการถอนเงิน $10 เมื่อมีการถอนเงินต่อเดือนเกินกว่าที่กำหนดไว้ และยังไม่สนับสนุนการเทรดด้วยภาษาไทยทั้งหน้าเว็บไซต์ แพลตฟอร์มการเทรดรวมถึงฝ่ายบริการลูกค้า

คราวนี้เราก็ชวนมาทำความรู้จักกับสกุลเงินดิจิตอลกันไปบ้างแล้วว่า สกุลเงินดิจิตอลคืออะไร สกุลเงินดิจิตอลทำงานได้อย่างไร ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนรูปแบบนี้มีอะไรบ้าง รวมไปจนถึงวิธีการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลแบบง่าย ๆ แต่ก็เป็นข้อมูลเริ่มต้นที่เพียงพอสำหรับการเริ่มตัดสินใจซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตัวเองเพื่อสร้างผลกำไรได้ไม่ยากต่อไป