คัมภีร์วิธีเล่นหุ้นเริ่มต้นฉบับสมบูรณ์ 2565

ว่ากันว่านักเทรดมือเก๋าล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการเทรดหุ้นทั้งนั้น เรื่องนี้ดูจะไม่ไกลจากความจริงมากนัก เพราะหุ้นมีความผันผวนในระดับที่พอเทรดได้แต่ก็ไม่รุนแรงจนเกินไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเทรด การทำความรู้จักกับ หุ้น ไว้ จึงเป็นสิ่งจำเป็น

 การทำความรู้จักกับหุ้นไม่อาจทำได้ด้วยการอ่านหรือฟังคำบอกเล่า แต่จำเป็นต้องลงมือซื้อขายด้วยตัวเอง และเพื่อเป็นแนวทางขั้นต้นสำหรับผู้ที่เริ่มสนใจวงการการลงทุนหรือแม้แต่การเทรด คราวนี้เราจึงนำวิธีเล่นหุ้นเริ่มต้นมาบอกเล่าเป็นแนวทาง เพื่อให้ทุกท่านได้คุ้นเคยกระบวนการซื้อขายเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเปิดพอร์ตเริ่มซื้อขายหุ้นจริงต่อไป

การเปิดบัญชีซื้อขาย

สำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้นนั้นสิ่งที่ต้องทำความรู้จักเป็นอย่างแรกอาจไม่ใช่หุ้นดีหรือหุ้นที่น่าสนใจ แต่เป็นประเภทบัญชีซื้อขายหุ้นนี่เอง เพราะประเภทของบัญชีหุ้นที่เราเลือกใช้จะส่งผลต่อวงเงินในการซื้อขาย วิธีชำระราคาและเงื่อนไขค่าธรรมเนียมในการซื้อขายอีกด้วย ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีประเภทบัญชีซื้อขายหุ้นที่นิยมใช้ 2 ประเภท ได้แก่

บัญชีวางเงินล่วงหน้า (Cash Balance)

บัญชีประเภทนี้ถ้าเทียบกับค่าโทรศัพท์ก็คงเหมือนการจ่ายแบบ Pre-Paid หรือ มีเท่าไหร่ใช้ได้เท่านั้น นั่นคือ

วงเงินในการซื้อขาย (credit line)

จะได้เท่าจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีหลักทรัพย์ เช่น หากโอนเข้าบัญชีไป 100,000 บาท ก็จะได้วงเงินสำหรับซื้อขายที่ 100,000 บาท ซึ่งสามารถนำไปซื้อหุ้นรวมค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินนั้น

การชำระราคา

การซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance เมื่อมีการซื้อขายแล้วจะมีการหัก วงเงิน (Credit line) ออกไปทันที เช่น ถ้ามีการซื้อหุ้น 20,000 บาท จะเหลือวงเงินให้ซื้อขายต่อได้อีกแค่ 80,000 บาททันที แต่จะมีการชำระเงินจริง ๆ ในอีก 2 วันทำการถัดไป (T+2) ทำให้แม้ในการขายหุ้นและได้วงเงินคืนมาทันที แต่เงินสดที่จะถอนออกได้ยังต้องรอ T+2 นั่นเอง

บัญชีแบบนี้อาจดูมีข้อจำกัดเรื่องวงเงินซื้อขาย แต่สำหรับการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตของบางโบรกเกอร์จะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าบัญชีแบบอื่น

บัญชี Cash Balance เป็นเหมือนบัญชีมาตรฐานของการซื้อขายหุ้นเลย เพราะมีการใช้งานที่ตรงไปตรงมา โอนเงินเข้ามาเท่าไหร่ก็ซื้อขายได้เท่านั้นโบรกเกอร์จึงไม่มีความเสี่ยงจากการให้วงเงินซื้อขาย ทำให้เป็นบัญชีที่ขออนุมัติง่ายที่สุด แค่มีเอกสารประกอบการเปิดบัญชีและเอกสารสมัครบริการรับปันผลออนไลน์ก็เปิดบัญชีได้ไม่ยาก

  • เอกสารประกอบการเปิดบัญชี
  • สัญญาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 1 ฉบับ
  • เอกสารสมัครบริการรับเงินปันผลออนไลน์
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อรับเงินปันผล 1 ฉบับ (เป็นคนละบัญชีกับที่แนบเปิดบัญชีหลักทรัพย์ได้)

บัญชีเงินสด (Cash Account) 

บัญชีประเภทนี้คล้ายกับการใช้บัตรเครดิต นั่นคือเราสามารถซื้อขายด้วยวงเงินก่อน และต้องทำการชำระราคาในวันที่ T+2 ซึ่งวิธีการซื้อขายของบัญชีนี้มีส่วนที่น่าสนใจอยู่สองส่วนคือ

วงเงินซื้อขาย(Credit line)

นักลงทุนต้องโอนเงินเข้าไปเป็นหลักประกันในการซื้อขายจำนวน 20% ของวงเงินที่ต้องการซื้อขาย โดยที่เงินหลักประกันส่วนนี้จะถูกกันไว้ในบัญชีและได้รับดอกเบี้ยเล็กน้อย โดยที่จะไม่ถูกนำไปชำระเป็นค่าซื้อขายหุ้น เช่น หากโอนเงินเข้าบัญชี 20,000 บาท ก็จะสามารถมีวงเงินในการซื้อขาย 100,000 บาท เทียบเท่าบัญชี Cash Balance ที่วางเงินเต็มจำนวน แต่สำหรับบัญชี Cash Account จะวางเงินแค่ 20,000 บาทเท่านั้น

การชำระราคา

การสรุปยอดชำระราคาจะสรุปทุกวันตอนปิดตลาด หากมีการซื้อขายด้วยวงเงินและมีส่วนต่างเป็นบวกคือเทรดได้กำไรหรือมีการขายหุ้นออกมา เงินที่ได้จะเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกไว้กับบัญชีหลักทรัพย์ใน T+2 ในทางตรงข้ามหากมีผลต่างเป็นลบ คือเทรดขาดทุนหรือมีการซื้อหุ้นเข้าพอร์ต เงินที่ต้องชำระราคาก็จะถูกหักออกจากบัญชีธนาคารที่ผูกไว้กับบัญชีหลักทรัพย์ในวันที่ T+2 โดยไม่ยุ่งกับหลักประกันที่วางทิ้งไว้ในบัญชีหลักทรัพย์ยกเว้นแต่จะมีการทำเรื่องถอนเงินเพิ่มเติม

บัญชีเงินสดเป็นบัญชีที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากสะดวกต่อการซื้อขายด้วยวงเงินในแบบที่สามารถเดย์เทรดด้วยวงเงินได้สบาย ๆ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของการใช้วงเงินที่อาจทำให้เกิดภาระหนี้ที่ต้องชำระในอีก T+2 ตามมาได้ จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่ดีด้วย

บัญชีนี้ค่อนข้างมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาจากบัญชี Cash Balance เล็กน้อย นั่นคือ จะมีการซื้อขายด้วยวงเงิน จึงจำเป็นต้องยื่น statement เพื่อขอวงเงินเพิ่มเติม, และจะมีบริการหักบัญชีอัตโนมัติเพื่อชำระค่าซื้อขายที่ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมดังนี้

  • เอกสารประกอบการเปิดบัญชี
  • สัญญาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 1 ฉบับ
  • สำเนาเอกสารแสดงสถานะทางการเงิน ย้อนหลัง 3 เดือนเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติวงเงิน
  • เอกสารเพื่อสมัครขอใช้บริการเงินตัดอัตโนมัติ ATS
  • ใบสมัครบริการตัดเงินอัตโนมัติ ATS
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก 1 ฉบับ (บัญชีที่จะใช้หักชำระค่าซื้อขายอัตโนมัติ)
  • เอกสารสมัครบริการรับเงินปันผลออนไลน์
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อรับเงินปันผล 1 ฉบับ (เป็นคนละบัญชีกับที่แนบเปิดบัญชีหลักทรัพย์ได้)

โดยขั้นตอนการยื่นเอกสารเปิดบัญชีนั้นจะใช้เวลาขออนุมัติเปิดบัญชีประมาณ 3-5 วันทำการ หลังจากได้รับการยืนยันเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้วนักลงทุนก็สามารถโอนเงินหรือหุ้นเข้าบัญชีและเริ่มทำการซื้อขายได้ โดยทุกครั้งที่มีการโอนหุ้นหรือเงินเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ระบบจะให้เจ้าของบัญชีเลือกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชี Cash Balance หรือ Cash Account ซึ่งเป็นการยืนยันขั้นสุดท้ายว่าเราจะใช้บัญชีใดสำหรับการซื้อขาย

ปกติแล้วนักลงทุนที่เปิดบัญชี Cash Account ได้ มักจะมีบัญชี Cash Balance เปิดมาให้ด้วย นักลงทุนอาจเลือกใช้บัญชี Cash Balance เพื่อซื้อหุ้นถือยาว และใช้บัญชี Cash Account เพื่อการเทรดหุ้น โดยไม่ให้เงินทุนของทั้งสองกลยุทธ์มาปนกันก็ได้

วิธีเล่นหุ้นสำหรับเริ่มต้นฉบับสมบูรณ์ 2565

หลังจากเตรียมบัญชีซื้อขายหุ้นเรียบร้อยแล้ว ปัญหาที่ตามมาก็คือ มือใหม่หัดเล่นหุ้นจะเลือกซื้อหุ้นอะไร และซื้อเมื่อไหร่ดี ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบสำหรับคำถามนี้หากเป็นนักลงทุนที่แตกต่างกัน ก็จะได้รับคำตอบที่แตกต่างกันไปตามแนวทางการลงทุนของตัวเอง ซึ่งเราต้องเริ่มพิจารณาจาก

กำหนดเป้าหมาย

การเล่นหุ้นมีอยู่หลายเป้าหมาย อย่างที่เราอาจเห็นว่าตลาดนี้มีทั้งวีไอ (Value Invester – VI), มีทั้งนักเก็งกำไร (Speculator), รวมไปจนถึงนักเทรด (Trader) ด้วย ซึ่งการจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุนเป็นหลักว่าเรามีเป้าหมายอะไรในการเข้ามาในตลาดหุ้น

เพื่อปลูกเงินทุนให้ได้ผลงอกงามในระยะยาว

สำหรับเป้าหมายนี้นักลงทุนจะต้องการเห็นการเติบโตของเงินทุนที่ซื้อหุ้นในปัจจุบันเติบโตขึ้นเมื่อผ่านเวลาไประยะหนึ่ง ซึ่งมักอยู่ในระดับหลายปีถึงสิบปีขึ้นไป และหากสามารถเลือกหุ้นได้ดีก็สามารถคาดหวังผลตอบแทนในระดับหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลย

เพื่อสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอเป็นเวลานาน

เป้าหมายนี้จะมองการซื้อหุ้นเป็นคล้ายกับการฝากประจำกับธนาคารที่จะได้รับดอกเบี้ยเป็นกระแสเงินสดจ่ายออกมาให้สม่ำเสมอ โดยที่เงินต้นไม่ได้หายไปไหน ซึ่งการลงทุนในหุ้นก็สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับผู้ถือได้เช่นกัน

เพื่อสร้างความมั่งคั่ง

วิธีนี้เป็นการลงทุนตามวัฏจักรที่มองราคาหุ้นมีการเติบโตและตกลง นักลงทุนจะมีการซื้อหุ้นในราคาต่ำและขายออกไปเมื่อราคาปรับตัวถึงจุดพีคของรอบเพื่อสะสมความมั่งคั่งและการเติบโตของเงินทุนในระยะที่สั้นกว่าเป้าหมายแรก

เพื่อเก็งกำไร

วิธีนี้จะเป็นการเข้าซื้อขายหุ้นซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อเก็บส่วนต่างของราคาหุ้นบนความผันผวนให้ได้เป็นผลตอบแทนแบบกระแสเงินสดสม่ำเสมอในระยะยาว โดยมักเป็นการใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก

ทั้งนี้นักลงทุนแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สามารถแบ่งพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการวางแผนและทำการบ้านมาแล้วอย่างดี

วางกลยุทธ์การเทรด

หลังจากที่ตั้งเป้าหมายได้แล้ว ก็จำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์หรือวิธีการที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่กำหนดเอาไว้

ตัวอย่างเช่น

•  ถ้าต้องการปลูกเงินลงทุนให้งอกงามในระยะยาว

เราจำเป็นต้องหา “หุ้นพื้นฐานดีมีมูลค่า” ในขณะเดียวกันราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนมูลค่าเหล่านั้นออกมา และซื้อมันมาเก็บเอาไว้ในพอร์ตการลงทุนโดยไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก

•  แต่ถ้าต้องการสร้างผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดสม่ำเสมอ

ที่เราต้องการก็คือ “หุ้นปันผลดี ๆ” ที่ต้องมั่นใจว่านอกจากปันผลดีแล้วในระยะยาวราคาหุ้นจะยังสามารถปรับตัวขึ้น หรืออย่างน้อยก็ยังคงราคาเดิมเอาไว้ได้เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียเงินต้นไปในระยะยาว

•  สำหรับการสร้างความมั่งคั่งนั้นแตกต่างออกไป

บางครั้งนอกจากการวิเคราะห์วัฏจักรทางเศรษฐกิจ เลือก “หุ้นที่เติบโตตามรอบ” นักลงทุนยังอาจนำการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อเข้ามาช่วยบอกว่าเราจะซื้อหุ้นนี้เมื่อไหร่ และจะขายออกไปที่ราคาไหนได้ด้วย

•  สุดท้ายสำหรับการเก็งกำไร

วิธีนี้มักเป็นที่นิยมสำหรับ “หุ้นขนาดเล็ก-กลาง” ที่มีการเคลื่อนไหวร้อนแรง โดยเราอาจใช้การสกาล์ปิ้ง (scalping) สำหรับการเทรดในระยะสั้น, ใช้กลยุทธ์เดย์เทรด (day trading) สำหรับการเทรดระยะกลาง, หรือเทคนิคสวิงเทรด (swing trading) สำหรับการเทรดในระยะที่ยาวขึ้นมาอีกนิดได้

ทดสอบกลยุทธ์ที่วางไว้

เมื่อเลือกกลยุทธ์ในการเล่นหุ้นได้แล้ว คราวนี้เราลองมาทดสอบกลยุทธ์กันหน่อยว่าหุ้นและกลยุทธ์ที่เราเลือกไว้นั้นมันจะมีแนวโน้มเป็นไปอย่างที่เราคาดการณ์หรือเปล่า

• สำหรับสายหุ้นพื้นฐานที่เลือกหุ้นดี

หลังจากการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ มาแล้ว หากเป็นไปได้นักลงทุนสามารถเข้าไปเยี่ยมบริษัท (company visit) เพื่อดูของจริงว่าบริษัทที่เราสนใจอยู่จะสามารถทำกำไรและเติบโตได้ในระยะยาวหรือเปล่า

• สำหรับสายเทรด

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังมีแพลตฟอร์มซื้อขายทดลองที่เรียกว่า Settrade ให้ลองซ้อมมือ ทดสอบกลยุทธ์การเทรดที่เราวางแผนมาว่าเมื่อนำมาใช้ในแพลตฟอร์มเสมือนจริงแล้วจะสามารถสร้างผลกำไรให้เราได้จริงหรือไม่

เริ่มทำการซื้อขาย

สุดท้าย เมื่อเราทดสอบจนได้กลยุทธ์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายของเราเรียบร้อยแล้ว นั่นก็หมายความว่าเราพร้อมสำหรับการเริ่มลงมือซื้อขายจริง ๆ กับบัญชีหลักทรัพย์ที่เราเปิดรอเอาไว้ได้เลย

ทั้งนี้นักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าโดยธรรมชาติของหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในตลาดหุ้นไทยนั้นในระยะยาวยังคงมีการเติบโตเฉลี่ยได้ปีละ 10-12% แต่กลับมีความผันผวนในวันไม่มาก การหาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นวันละ 5% ได้ในทุกวันนั้นนับเป็นเรื่องที่ยากมาก ขณะที่ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นยังคิดเป็นเปอร์เซนต์ที่ค่อนข้างมีนัยยะ

ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วเราจึงมักลงทุนในหุ้นด้วยการซื้อแล้วถือเสียมากกว่าจะใช้ในการเทรด และนักลงทุนที่ชื่นชอบการเทรดมักจะหันไปหาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นเช่น ตราสารอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรบนความผันผวนที่ไม่มากนี้ได้ และผลิตภัฑณ์ตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้น CFD

ทางเลือกของการเทรดหุ้นด้วย CFD

CFD(Contract for Difference) หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นตราสารอนุพันธ์ชนิดหนึ่งที่อ้างอิงราคาซื้อขายอยู่กับสินค้าหลายชนิดรวมไปถึง “ราคาหุ้น” ด้วย

เครื่องมือตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายหุ้น ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อจะไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นและไม่ได้มีสิทธิต่าง ๆ ในฐานะผู้ถือหุ้น แต่สามารถทำกำไรบนราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวได้ด้วยการวางเงินแค่บางส่วนตามที่โบรกเกอร์กำหนด และอาศัยความได้เปรียบจากอัตราทดเพิ่มความสามารถในการทำกำไร(ในทางกลับกันก็อาจสร้างผลขาดทุนได้เช่นกัน) โดยสามารถทำกำไรจากราคาหุ้นได้ทั้งส่วนต่างราคาในขาขึ้นและขาลง

ซึ่งด้วยอัตราทดเช่น 1:20 จะทำให้หุ้นที่ผันผวนได้ประมาณ 5% ต่อวัน มีช่องในการทำกำไรเพิ่มเป็น 100% ต่อวัน ซึ่งจะมีส่วนต่างที่เอื้อต่อการเก็งกำไรได้มากกว่าการเทรดหุ้นโดยตรง

เช่น การเทรดหุ้น APPL ที่ราคา $139 ดอลล่าร์

-โดยหากมองว่าราคาหุ้น APPL กำลังอยู่ในขาขึ้นให้เปิดสถานะ Long ที่ราคา $139 ขนาดสัญญา 10 ล็อตโดยวางเงินขั้นต่ำของสัญญาที่ $69.5($139*10/20) โดยหากราคาหุ้นปรับขึ้นไป 5% ที่ $145.95 ก็ทำการปิดสถานะและรับรู้กำไร ผลกำไรที่ทำได้อยู่ที่ $69.5 หรือ 100% นั่นเอง

-ในทางตรงกันข้าม หากมองว่าราคาหุ้น APPL กำลังอยู่ในขาลงให้เปิดสถานะ Short ที่ราคา $139 โดยวางเงินขั้นต่ำของสัญญาที่ $69.5 โดยหากราคาหุ้นปรับขึ้นไป 5% ที่ $132.05 ก็ทำการปิดสถานะและรับรู้กำไร ผลกำไรที่ทำได้อยู่ที่ $69.5 หรือ 100% เช่นเดียวกัน

ความได้เปรียบของการเทรดหุ้น CFD

  • ใช้เงินลงทุนตั้งต้นน้อย

แต่อาศัยพลังของอัตราทดช่วยให้สามารถสร้างผลกำไรจำนวนมากได้

  • มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง

จาก Market Maker ที่สร้างสภาพคล่องให้ซื้อขายโดยไม่ต้องกังวลกับสภาพคล่อง

  • ทำกำไรได้จากราคาหุ้นทั้งทิศทางขาขึ้นและขาลง

ด้วยการใช้กลยุทธ์การ Short และ Long อย่างที่เครื่องมือทางการเงินน้อยตัวจะทำได้ จะสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้น

  • มีขั้นตอนการเปิดบัญชีที่ไม่ยุ่งยาก

ไม่ต้องเตรียมเอกสาร เพียงแค่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นก็สามารถรอการยืนยันเปิดบัญชีได้ภายในไม่กี่นาที ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการเปิดบัญชี Cash Account และ Cash Balance มาก

ด้วยความได้เปรียบและความคล่องตัวในการซื้อขายแบบนี้ ทำให้นักเทรดหุ้นที่เริ่มมีประสบการณ์มักหันมาใช้เครื่องมืออย่าง CFD เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร นอกจากนี้หลายโบรกเกอร์ยังมีสินค้าอีกหลายตัวสำหรับการเทรด CFD เช่น น้ำมัน ทองคำ สกุลเงินดิจิตอล ช่วยให้สามารถกระจายพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

จากที่เราได้นำเสนอวิธีเล่นหุ้นสำหรับเริ่มต้นไปตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกบัญชีซื้อขายหุ้น วิธีเปิดบัญชีหุ้น รวมไปถึงการกำหนดกลยุทธ์และเริ่มซื้อขายหุ้น เราจะพบว่าการเล่นหุ้นนั้นมีรายละเอียดให้เรียนรู้และศึกษาอยู่พอสมควร แต่เพื่อให้ง่ายและสั้นสำหรับมือใหม่เราแนะนำให้เริ่มต้นลงทุนด้วยบัญชี Demo ด้วยเงินเสมือนจริงหรือบัญชีจริงด้วยเงินทุนน้อย ๆ เพื่อให้เห็นภาพของตลาดและคุ้นชินกับการลงทุนในตลาดหุ้นก่อนและค่อย ๆ ขยายพอร์ตได้เมื่อมั่นใจมากขึ้น

เทรหุ้น CFD กับโบรกเกอร์ไหนดี

การเทรดหุ้น CFD ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ CFD ก่อน แต่โบรกเกอร์มีมากมาย เช่น IG, eToro เป็นต้น เราจะเลือกโบรกเกอร์ไหนดี? ที่นี่ผมขอเสนอโบรกเกอร์รายหนึ่งที่ชื่อว่า MiTrade ให้เพื่อนๆ นะครับ

Mitrade เป็นโบรกเกอร์ CFD ที่นิยมมากในหมู่นักลงทุน ปัจจุบันมี 270,000+ ลูกค้าทั่วโลกและได้รับรางวัลมากมาย ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานด้านการเงินของเกาะเคย์แมน (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 ทำให้การดำเนินงานต้องเป็นไปตามข้อบังคับของ CIMA Mitrade จึงเป็นโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือได้
MiTrade นำเสนอหุ้นมากถึง 35 ตัวให้เทรด รวมถึงหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Facebook, Google, Amazon, Apple และ Microsoft เป็นต้น
MiTrade เสนอเครื่องมือจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น stop-loss/trailing-stop และระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบให้ใช้ฟรี
MiTrade เสนอเลเวอเรจสูงถึง 1:20 ในการเทรดหุ้นและขนาดสัญญาชั้นต่ำ 1 ล็อต
MiTrade เสนอสเปรดการเทรดหุ้น CFD ที่ต่ำและไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นในการเทรด
MiTrade ได้จัดบัญชี Demo ด้วยเงินเสมือนจริง $50,000 ดอลล่าร์อยู่ในบัญชีสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่

ทั้งนี้ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของหุ้นที่มีความผันผวนไม่มากทำให้แก็ปในการทำกำไรมีน้อยและหุ้นอาจไม่ได้มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่เพียงพอ การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับนักเทรดทุกประเภท การเลือกเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรเช่น CFD ที่สร้างความได้เปรียบหลากหลายให้กับนักเทรดจึงอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่แพ้การเล่นหุ้นในตลาดหุ้นเลย