มีไม่บ่อยนักที่นักลงทุนจะเริ่มการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยหลักความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นในวันนี้ผมจะมาพูดคุยกันในเรื่องนี้แบบละเอียด จริงอยู่ที่การส่งเสริมและการพูดถึงในการเทรดลักษณะนี้จะเป็นที่นิยมในสายนักลงทุนเชิงเทคนิค แต่หากมองให้ลึกกว่านั้นแล้ว นักลงทุนที่ฉลาดจะเลือกวิธีที่ผสมผสานการเทรดเพื่อได้มาซึ่งความลงตัวของการทำ กำไร ในหน้านี้เราจะไปทำความรู้จักการกับการเล่นหุ้นระยะสั้นให้มากขึ้นกันครับ
การเล่นหุ้นระยะสั้นหมายถึงยังไง
การเล่นหุ้นระยะสั้น หรือ Day Trade คือ วิธีการเทรดรูปแบบหนึ่งที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อซื้อขายหรือเปิดปิดออเดอร์ให้จบภายในวันเดียว หากพูดให้เข้าใจมากกว่านี้ก็คือ การที่คุณพยายามสร้างผลกำไรจากการเทรดให้จบลงในวันนั้นๆ หมายความว่าคุณจะไม่ถือออเดอร์ข้ามวันซึ่งจะไม่เกิดค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดการสุญเสียเงินทุนจากความไม่แน่นอนได้
ทำไมคนส่วนใหญ่ชอบการเล่นหุ้นระยะสั้น
1. นักลงทุนสามารถสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำภายในระยะเวลาอันสั้น
2. ใช้เวลาในการสร้างผลกำไรไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น นี่คือคอนเซ็ปท์ของการมีอิสราภาพทางเวลาที่หลายคนต่างต้องการ ซึ่งการเล่นหุ้นระยะสั้นนั้นส่วนมากนักลงทุนจะทำการซื้อขายเพียงวันละหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น โดยทั่วไปจะเริ่มทำการซื้อขายในช่วงเช้าของแต่ละวันที่เปิดทำการ
3. ถือเป็นการลงทุนที่เสี่ยงน้อยกว่ามาก เนื่องจากจำนวนเงินลงทุนสุทธิที่เกิดขึ้นนั่นน้อยมาก
ข้อเสียในการเล่นหุ้นระยะสั้น
1. การเล่นหุ้นระยะสั้นอาจมาพร้อมกับต้นทุนที่สูง เพราะนักลงทุนจะมีภาระในเรื่องของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากปริมาณธุรกรรมที่สูง เช่น ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ภาษี และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ผลตอบแทนที่คุณได้รับมีมูลค่าต่ำลง
2. ความสำเร็จในการเทรดหุ้นระยะสั้นนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเชี่ยวชาญและเรื่องของเวลา หากคุณเป็นนักลงทุนรายใหม่อาจจะต้องศึกษาและติดตามราคาหุ้นที่ผันผวนอย่างใกล้ชิด คุณควรมีการวางแผนและระบุจุดทำเปิดและปิดออเดอร์อย่างชัดเจน
วิธีการเล่นหุ้นระยะสั้นสำหรับมือใหม่ 2564
โดยทั่วไปแล้ว วิธีที่นิยมเล่นกันสำหรับการเล่นหุ้นแบบระยะสั้นจะมีสองวิธี คือ การเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์กับการเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD
วิธีแรก การเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์
การเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์ หมายถึง การซื้อขายหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยเป็นหุ้นที่คุณสามารถเปิด/ปิดออเดอร์ได้เองบนระบบออนไลน์ ซึ่งราคาของหุ้นเหล่านี้จะถูกกำหนดจากหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยด้านผลการดำเนินการของบริษัท ปัจจัยจากสภาวะตลาดตามหลักของ ปัจจัยจากเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ เป็นต้น โดยผลตอบแทนที่คุณจะได้รับมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นและ เงินปันผล ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละบริษัท
วิธีที่สอง การเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD
การเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD คือ การซื้อขายตราสารอนุพันธ์หุ้นที่อ้างอิงจากราคาหุ้นจริง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนสามารถทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายหุ้นตัวนั้นจริงๆ เหมือนที่เคยทำในตลาดหลักทรัพย์
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นคือ การได้ใช้เลเวอเรจในการสร้างความได้เปรียบที่จะช่วยนักลงทุนขยายขอบเขตในการทำกำไรได้กว้างยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงอีกด้วย
เปรียบเทียบการเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์กับการเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD
การเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์กับการเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ต่อมาผมจะมาทำการเปรียบเทียบในด้านเงินทุน หุ้นที่ให้เลือกเทรด วิธีการทำกำไร สิทธิที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท การถอนเงิน ความโปร่งใส่เป็นธรรม ฯลฯ เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจสองวิธีนี้จะแตกต่างกันยังไงเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองนะครับ
1) เงินทุนเริ่มต้น
ในการเล่นหุ้นจริงนักลงทุนต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน แต่การเล่นอนุพันธ์หุ้น CFD จะช่วยให้คุณจ่ายเงินน้อยกว่า เช่น คุณเปิดออเดอร์ซื้อหุ้น A 100 ตัวที่ราคา $739.78 เงินทุนสุทธิจากการซื้อหุ้นจริงจะสูงถึง $73, 978
แต่ถ้าเป็นวิธีการเทรดอนุพันธ์หุ้น CFD คุณจะจ่ายเงินเพียง $739.78 เท่านั้นในกรณีที่ใช้เลเวอเรจ 100 เท่า
2) หุ้นที่ให้เลือกเทรด
การเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นักลงทุนสามารถเลือกซื้อได้ทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ซึ่งการเปิดพอร์ตการลงทุนก็จะมีความยากและแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะในหุ้นต่างประเทศ
ขณะที่การเล่นหุ้นแบบ CFD นั้นจะเปิดให้ทำการเทรดเฉพาะหุ้นของบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับการยอมรับ เช่น FB, APPL, MSFT, TSLA, GOOG เป็นต้น
3) วิธีการทำกำไร
การทำกำไรจากการซื้อหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์จะทำได้เฉพาะในตลาดขาขึ้นได้อย่างเดียว
ในทางตรงกันข้ามการเทรดหุ้นแบบ CFD คุณสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นหรือขาลง แน่นอนว่าจะเพิ่มโอกาสและกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า
4) สิทธิที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท
แน่นอนว่าการซื้อขายหุ้นจริงนั้นนักลงทุนจะมีสิทธิในการรับทราบข่าวสารข้อมูลหรือเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น รวมถึงยังมีสิทธิได้รับเงินปันผลอีกด้วย ขณะที่การเทรดอนุพันธ์หุ้น CFD นักลงทุนจะไม่มีสิทธิที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท อย่างไรก็ตามแม้การซื้อขายหุ้นจริงจะมีสิทธิในการกำหนดทิศทางของบริษัท แต่ถ้าหากนักลงทุนมีระยะเวลาในการถือครองหุ้นที่สั้นเกินไป การมีสิทธิในบริษัทก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรในเชิงมูลค่าเลย
5) การถอนเงิน
ระบบการถอนเงินเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนรายใหม่ต้องทำความเข้าใจ เพราะไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถถอนเงินได้ทันทีเมื่อต้องการ โดยการซื้อขายหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์จะมีระบบการถอนเงินที่เรียกว่า T+2 ที่หมายถึง การยื่นคำขอถอนเงินโดยต้องระบุวันที่ถอนบวกไปอีก 2 วันทำการข้างหน้า
ขณะที่การเทรดหุ้น CFD ใช้ระบบ T+0 นั่นหมายถึงคุณจะสามารถถอนเงินออกมาได้รวดเร็วยิ่งกว่า
6) ความโปร่งใส่เป็นธรรม
คุณอาจเคยได้ยินว่าการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะมีการปั่นราคาโดยผู้ที่มีปริมาณหุ้นที่สูง ซึ่งผลที่ตามมาคือกลไกของราคาจะไม่ได้อ้างอิงตามตลาดแต่อย่างใด ในสภาวะนี้นักลงทุนแทบไม่สามารถใช้หลักการพื้นฐานในการประมาณการณ์ได้เลย นอกจากนี้ยังมี insider trading ที่คอยให้ข้อมูลหรือกลุ่มเฉพาะให้แก่นักลงทุนบางรายทำให้ไม่โปร่งใส่และไม่เป็นธรรมสำหรับนักลงทุนรายย่อย
ในขณะที่ตลาด CFD เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่มาก มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูง เม็ดเงินมีสภาพคล่องสูง ทำให้ไม่มีใครสามารถชี้นำตลาดได้ จึงมีความโปร่งใสสูงและเป็นธรรมกว่า
7) สภาพคล่อง
หุ้นที่ทำการเทรดในตลาดหลักทรัพย์จะมีสภาพคล่องที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับหุ้นแต่ละตัว
แต่การซื้อขายหุ้นแบบ CFD นั้นจะมีความคล่องตัวสูงกว่าเนื่องจากมีโบรกเกอร์ที่คอยเสนอสภาพคล่องและบริการต่างๆ ที่เอื้อต่อการเทรด ทำให้นักลงทุนสามารถเปิดปิดคำสั่งได้รวดเร็ว ในจุดที่มีราคาดี และอยู่ในช่วงจังหวะที่ดีของการทำกำไร
8) การเปิดบัญชี
การเปิดบัญชีเล่นหุ้นจริงกับตลาดหลักทรัพย์จำเป็นที่จะต้องใช้เอกสารจำนวนมากและเวลาในการยืนยันที่ค่อนข้างนาน เนื่องจากมีกระบวนการที่ต้องผ่านการยืนยันหลายขั้นตอน
ในข้างตรงกันข้ามกับการเปิดบัญชีเทรดหุ้น CFD จะมีขั้นตอนที่สั้นและกระชับ ใช้เอกสารและเวลาน้อยกว่า นักลงทุนสามารถทำบนออนไลน์ได้หมด ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าอย่างมาก
9) ความเสี่ยง
ทั้งการเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์และการเล่นอนุพันธ์หุ้น CFD ย่อมมีความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นเรื่องปกติ แต่การเทรดหุ้นแบบ CFD จะมีความเสี่ยงจากการใช้เลเวอเรจที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คุณจำเป็นที่จะต้องบริการจัดการความเสี่ยงให้ดี
- ฉันจะเหมาะกับวิธีแบบไหน
มาถึงตรงนี้นักลงทุนอาจได้ไอเดียในการเลือกวิธีการเทรดหุ้นระยะสั้นที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว แต่หากยังไม่มั่นใจและยังคงตั้งคำถามว่าเราเหมาะกับการเทรดวิธีไหนกันแน่? ผมจะสรุปให้ฟังอีกครั้งนะครับ
การเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์ | การเล่นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD |
นักลงทุนต้องมีเงินทุนจำนวนมาก | เริ่มต้นได้แม้มีเงินทุนน้อย |
ต้องสมัครและเปิดบัญชีด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่า | สามารถสมัครผ่านโบรกเกอร์ได้ง่ายกว่า |
สามารถทำกำไรได้ในขาขึ้นเพียงขาเดียว | ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง |
สนใจเล่นหุ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ | สนใจเล่นหุ้นต่างประเทศมากกว่า |
ไม่มีเลเวอเรจช่วย | มีเลเวอเรจช่วย |
เหมาะสำหรับการถือยาว | เหมาะสำหรับการเล่นหุ้นระยะสั้น |
แต่เพื่อนๆ ต้องเข้าใจว่าไม่มีวิธีไหนดีสุดหรอก มีแค่เหมาะกับรสนิยมและสไตล์การเทรดของตัวเองหรือไม่นะครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเล่นหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์สามารถเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ เช่น บมจ.บล.บัวหลวง, บล. ไทยพาณิชย์ จำกัดและบล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตน
และสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเล่นหุ้นตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD สามารถเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ Mitrade , IG และ E-toro เป็นต้น
5 ข้อสำคัญสำหรับการเทรดหุ้นระยะสั้น
นอกจากวินัยในการเทรดที่ต้องมีกันทุกคนแล้ว อาจจะยังไม่พอถ้าคุณจะก้าวเข้าสู่สนามการเทรดหุ้นระยะสั้น ต่อไปนี้คือ 5 ข้อที่นักลงทุนต้องจดจำและนำไปฝึกฝนทั้งก่อนและระหว่างการเทรด
1) การเทรดหุ้นระยะสั้นก็เหมือนการทำธุรกิจ
เดย์เทรดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจำเป็นต้องทำมันเหมือนกับเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง คุณต้องวางแผน คิด ลงมือทำ ถ้าผิดพลาดก็กลับมาวางแผนใหม่ คิด แล้วทำอีกครั้ง วนไปจนกว่าจะเชี่ยวชาญ
2) Day Trader ไม่มีใครถือสถานะข้ามวัน
การถือสถานะออเดอร์ข้ามวันก็เท่ากับขาดทุนลงทุกวัน เพราะคุณกำลังเกิดค่าธรรมเนียมขึ้นมา ดังนั้นลีนเข้าไว้ จงเปิดและปิดคำสั่งซื้อให้อยู่ภายในวันเดียวกัน
3) สังเกตการเคลื่อนไหวของราคา
การเข้าใจกลไกของราคาหุ้นในแต่ละคนไม่เหมือนกัน นักลงทุนที่สามารถรู้ว่าหุ้นตัวนี้เคลื่อนไหวเพราะตลาดโดยรวมหรือเพราะพื้นฐาน ส่วนใหญ่จะเรียกว่าเซียนเดย์เทรดเดอร์
4) เข้าใจวิธีการใช้อินดิเคเตอร์
โปรดรู้ไว้ว่าอินดิเคเตอร์ทำได้เพียงชี้แนะเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องทำตามหรือเชื่อสิ่งที่อินดิเคเตอร์บอกทั้งหมด
5) จัดการอารมณ์ให้ยืดหยุ่น
การทำกำไรกับการขาดทุนอยู่ใกล้กว่าที่คิด มันก็เหมือนการจัดการอารมณ์ให้ยืดหยุ่น คุณต้องมีความพร้อมและความเข้าใจเรื่องการลงทุน ไม่เอาอารมณ์เข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่งท้าย
การเล่นหุ้นระยะสั้นเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่นักลงทุนหลายท่านนิยมใช้และยังคงใช้อยู่แม้ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก นักลงทุนรายไหนที่ยังไม่เคยใช้วิธีนี้มาก่อนให้จำคอนเซ็ปท์ง่ายๆ และต้องท่องเอาไว้เลยว่า “เราจะต้องเปิดและปิดออเดอร์ เพื่อทำกำไรให้ได้ในวันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่!” คำพูดนี้ใช้ได้จริงนะครับ เพราะอย่างที่บอกการทำกำไรเดย์เทรดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดถ้าคุณพยายามรักษาระดับมาตราฐานการเทรดให้อยู่ภายใน 1 วัน