วิธีขุด Bitcoin แบบละเอียด ขุด Bitcoin คุ้มไหม 2022?

ยังเป็นปีที่แรงอย่างต่อเนื่องสำหรับ Bitcoin ที่ล่าสุดยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน โดยในวันที่ 8 มกราคม 2020 Bitcoin ได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ที่ $41,616 หรือคิดเป็นเงินไทยราว ฿1,250,000 ทำให้นักลงทุนที่เพิ่งเริ่มสนใจเข้าตลาดจำเป็นต้องใช้เงินในการลงทุนมากขึ้นและอาจกลายเป็นข้อจำกัดหนึ่งของการลงทุน แต่ช้าก่อน ยังมีวิธีลงทุนใน Bitcoin โดยที่ไม่ต้องใช้เงินแลกมาอีกด้วย นั่นคือการใช้วิธีขุด Bitcoin หรือ Bitcoin Mining

ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา วิธีขุด Bitcoin กลายเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยม ด้วยแรงจูงใจจากราคา Bitcoin ที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่จากเงื่อนไข Bitcoin Halving ที่รางวัลในการขุดจะลดลงเรื่อย ๆ จนเมื่อมาถึงตอนนี้ที่ผลตอบแทนการขุดลดลง แล้วการขุด bitcoin คุ้มไหม 2022? วิธีนี้จะยังเป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนอยู่หรือเปล่า วันนี้เราจะพาไปสำรวจประเด็นนี้กัน

ทำความรู้จักกับการขุด Bitcoin

ถ้าจะตั้งคำถามถึงการขุด Bitcion เราคงต้องมาทำความรู้จักบล็อกเชนของ Bitcoin กันก่อน เนื่องจากบล็อกเชนของ Bitcoin ให้บริการธุรกรรมเกี่ยวกับโอนเงินเป็นหลัก โดยที่ระบบการทำธุรกรรมทางการเงินแบบไร้ตัวกลางนี้จำเป็นต้องใช้การร่วมยืนยันธุรกรรมจากสมาชิกในชุมชน และผู้ที่จะมาทำการแก้รหัสและจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ก็คือนักขุดนั่นเอง

ดังนั้นการขุด Bitcoin จึงเป็นการที่นักขุดซึ่งเป็นสมาชิกในชุมชน Bitcoin แข่งกันประมวลผลแก้โจทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นผู้ยืนยันธุรกรรมคนแรกในระบบของ Bitcoin และผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ Bitcoin ที่เกิดใหม่ในระบบไป

ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อไม่ให้กระบวนการนี้ก่อให้เกิดปริมาณเงินล้นเกินจนกลายเป็นเงินเฟ้อ Bitcoin ยังจำกัดให้รางวัลสำหรับผู้ชนะในการขุดลดลงครึ่งหนึ่งตามเวลา และจะจำกัดจนไม่เกิดเหรียญใหม่ขึ้นในระบบเลยเมื่อมี Bitcoin ออกมาในระบบครบ 21 ล้านเหรียญ

การทำงานของการขุด Bitcoin

1) ผู้ทำธุรกรรมประกาศการทำธุรกรรม

เช่น เมื่อนาย A ต้องการโอนเหรียญให้กับนาย B เมื่อทำธุรกรรมเรียบร้อยระบบจะมีการแจ้งว่าเกิดการทำธุรกรรม เพื่อให้สมาชิกในชุมชนทำสำเนาเก็บไว้ในบล็อกของแต่ละโหนดผู้ใช้ ซึ่งในขั้นตอนแรกนี้จะยังไม่มีการโอนเงินให้นาย B แต่อย่างใด

2) นักขุดทำการแก้โจทย์เพื่อยืนยันธุรกรรม

ขั้นตอนนี้ผู้ออกแบบระบบได้ทำการเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ไว้ โดยผู้ใช้คนแรกที่ทำการแก้โจทย์ได้ก็จะได้สิทธิในการตรวจสอบธุรกรรมนั้น ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เป็นของนักขุดที่ความสามารถในการขุดก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ใช้ในการแก้โจทย์คณิตศาตร์เหล่านี้ ใครที่มีอุปกรณ์ประมวลผลที่ทรงพลังกว่าก็จะมีโอกาสแก้โจทย์ได้เร็วกว่า

3) เครือข่ายทำการยืนยันบล็อกใหม่

หลังจากโจทย์ถูกแก้และมีการตรวจสอบธุรกรรมเรียบร้อยแล้ว จะมีการประกาศธุรกรรมนี้ออกไป และหากสมาชิกส่วนใหญ่ในระบบเห็นด้วย ธุรกรรมนี้ก็จะได้รับการยืนยัน บล็อกใหม่จะถูกเพิ่มขึ้นมา และเหรียญจะถูกโอนจากนาย A ไปสู่นาย B ในที่สุด

วิธีขุด Bitcoin ที่ได้รับความนิยม 2022

โดยทั่วไปแล้ว Bitcoin จะมีบล็อกใหม่เกิดขึ้น 1 บล็อกในทุก ๆ 10 นาที นั่นหมายถึงในหนึ่งชั่วโมงจะมีอยู่ 6 ครั้งที่นักขุดจะต้องแข่งกันแก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์เหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องแก้เองแต่สามารถใช้อุปกรณ์ประมวลผลอย่างคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย

และปัจจุบันก็มีวิธีขุด Bitcoin ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับความต้องการและเงื่อนไขของนักขุดเอง แต่ก่อนอื่นนักขุดจำเป็นต้องเป็นเจ้าของกระเป๋าเงินบิทคอยน์ หรือ Bitcoin Wallet เพื่อไว้ใช้สำหรับเก็บเหรียญที่ได้จากการขุดเสียก่อน จากนั้นจึงเลือกฮาร์ดแวร์ในการขุด ลงโปรแกรมขุด จากนั้นจึงเริ่มลงมือขุดได้

1.เลือกกระเป๋าเงิน Bitcoin Wallet

Bitcoin Wallet คือ กระเป๋าเงินดิจิตอลมีลักษณะคล้ายบัญชีธนาคารที่เข้ารหัสไว้สำหรับเก็บรักษาเหรียญ Bitcoin และพร้อมสำหรับการรับเข้าหรือโอนออกเสมอ ซึ่ง Bitcoin Wallet ในปัจจุบันมี 3 รูปแบบคือ

กระเป๋าเงินแบบซอฟต์แวร์

เป็นซอฟต์แวร์เก็บรักษาเหรียญดิจิตอลที่สามารถโหลดลงคอมพิวเตอร์หรือแท็ปเล็ต เช่น Copay, breadwallet หรือ Mycelium

กระเป๋าเงินแบบออนไลน์

ที่ใช้บริการเซอร์ฟเวอร์ของบุคคลที่ 3 ที่ให้บริการ สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นของผู้ให้บริการ เช่น Bitkub, Satang, Coins.co.th

กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์

กระเป๋าเงินดิจิตอลแบบนี้จะมาในรูปแบบอุปกรณ์ทางกายภาพที่เข้ารหัสเก็บรักษาเหรียญ และมีระดับการรักษาความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลาเหมือนสองอย่างแรก ทำให้มีความเสี่ยงในการถูกแฮ็กต่ำ กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ที่ได้รับความนิยม เช่น Ledger Nano S, KeepKey, Trezor

เมื่อมีกระเป๋าเงินสำหรับเก็บรักษาเหรียญแล้ว เราลองมาดูวิธีขุด Bitcoin ดูบ้าง ซึ่งในปัจจุบันเรามีวิธีขุด Bitcoin ที่ได้รับความนิยมอยู่ 2 แบบ ได้แก่

2.เลือกอุปกรณ์ในการขุด Bitcoin (Bitcoin Mining Rigs)

1)Mining Rigs แบบอุปกรณ์ขุด

การขุดแบบนี้จะเป็นการใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงที่ออกแบบมาไว้สำหรับการขุดเหรียญ Bitcoin โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันบริษัทหลายเจ้าที่ผลิตเครื่องมือสำหรับขุดเหรียญ Bitcoin โดยเฉพาะออกมา หรือหากต้องการประกอบเองก็ทำได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่ควรคำนึงในการใช้อุปกรณ์ขุด Bitcoin ก็คือ เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจะกินไฟมาก ซึ่งตรงนี้เป็นต้นทุนที่นักขุดควรนำไปชั่งน้ำหนักเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้ด้วย

การเตรียมการขุดแบบนี้จำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะในการประมวลผลสูง ลงซอฟต์แวร์เพื่อประกาศตัวเป็น Node หนึ่งของระบบและทำการขุดเหรียญ ซึ่งปัจจุบันการขุดด้วยอุปกรณ์แบบนี้ก็มีวิธีที่หลากหลายขึ้น เช่น

–  การขุดด้วย CPU

การขุดแบบนี้รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดาขุดด้วย ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เรียบง่ายและมีต้นทุนไม่สูง แต่การขุด Bitcoin ด้วยเครื่องมือง่าย ๆ แบบนี้อาจใช้งานไม่ได้จริง เนื่องจากการขุดเหรียญจำเป็นต้องแข่งขันกับนักขุดคนอื่น ๆ เพื่อให้เป็นคนที่ถอดรหัสได้คนแรก ซึ่งการใช้ CPU อาจไม่ใช่คำตอบและทำให้เสียเวลา/ค่าไฟไปเปล่า ๆ

–  การขุดด้วย GPU

เนื่องจาก CPU ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน จึงมีนักขุดพบว่าการใช้ GPU สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลได้มากกว่าและกลายมาเป็นไอเท็มสุดป๊อบสำหรับฟาร์มขุดเหมือง แต่ถึงจะมีความสามารถในการประมวลผลที่มากขึ้น GPU ยังมีราคาแพงและกินไฟเยอะ ซึ่งปัจจัยนี้คิดเป็นต้นทุนหนึ่งในการขุดเช่นกัน

–  การขุดด้วย ASIC

ฮาร์ดแวร์ ASIC หรือ Application-Specific Integrated Circuit เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการขุด Bitcoin โดยเฉพาะ และมาในหลากหลายรูปลักษณ์ บางแบบก็มาในราคาสูงลิบลิ่ว แต่ต่างก็ช่วยเสริมพลังการประมวลผลให้กับคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสเป็กเดียวกัน ASIC สามารถเพิ่มพลังการประมวลผลได้มากกว่าอุปกรณ์อื่นเป็นร้อยเท่าทีเดียว

แต่เนื่องจากเงื่อนไขการขุดเหรียญ Bitcoin ที่เข้มงวดขึ้น เหรียญที่ได้เป็นรางวัลในกาขุดบล็อกจะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี ทำให้การขุดเหรียญ Bitcoin มีการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นเรื่องยากมากที่นักขุดจะแก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์เพื่อเป็นผู้ชนะและรับเหรียญด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นการขุดแบบ Mining Rigs จึงถูกประยุกต์ไปในรูปแบบอื่นที่เอื้อให้กับนักขุดรายย่อยได้เข้ามามีส่วนในการขุดมากขึ้น เช่น

2)Mining Rigs แบบ Pool Mining

Mining Pools เป็นวิธีขุด Bitcoin ที่เป็นการรวมกลุ่มการประมวลผลของเราเข้ากับคนอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการสร้างบล็อกใหม่และได้รางวัลเป็นเหรียญ และถ้าสร้างบล็อกใหม่ได้จริง ๆ เหรียญรางวัลที่ได้ก็จะถูกแบ่งให้กับทุกคนในกลุ่มตามสัดส่วนที่มีส่วนร่วม

3)Mining Rigs แบบ Cloud Mining

วิธีขุด Bitcoin แบบนี้แตกต่างจาก Mining Pools ตรงที่แทนที่จะเป็นการขุดเหรียญจากเครื่องของตัวเอง นักขุดสามารถยืมความสามารถในการประมวลผลจากฟาร์มเหมืองขุดเหรียญด้วยวิธีการรีโมททางไกล ซึ่งถึงแม้จะมีผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมายแต่เราก็ยังจำเป็นต้องระวังการฉ้อฉลด้วยเหมือนกัน ซึ่งวิธีนี้จะมีข้อดีตรงที่นักขุดไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องมีค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ แต่นั่นก็อาจต้องแลกมากับค่าธรรมเนียมรายเดือนแสนแพง และกลายเป็นต้นทุนก้อนใหญ่ในการขุดซึ่งในที่สุดสามารถกลายมาเป็นผลขาดทุนได้

3.เลือกซอฟต์แวร์ในการขุด Bitcoin (Bitcoin Mining Software)

ซอฟต์แวร์ในการขุด Bitcoin (Bitcoin Mining Software) คือซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งเพื่อเชื่อมโยงนักขุดเข้ากับเครือข่ายการขุดเหมือง เช่น หากคุณเป็นนักขุดแบบ Rig Mining ซอฟต์แวร์ที่ว่าจะเชื่อมโยงคุณเข้ากับเครือข่ายของบล็อกเชน หรือหากคุณเป็น Pool Mining ซอฟต์แวร์นี้ก็จะเชื่อมโยงคุณเข้ากับพู แต่หากเป็น Cloud Mining ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกซอฟต์แวร์เพราะทางฟาร์มเหมืองขุดจะทำการจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันเช่น Bitcoin Miner ที่มีโหมดประหยัดพลังงาน รองรับการขุดแบบ Pool Mining, CGMiner ถือเป็นซอฟต์แวร์ขุดเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ครบทุกฟังก์ชั่นที่นักขุดต้องการไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบบล็อกใหม่อัตโนมัติ รองรับการขุดทั้ง CPU และ GPU แถมยังรองรับการทำงานของ GPU หลายตัวได้ด้วย, BFGMiner เป็นโปรแกรมที่คล้าย CGMiner แต่ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ ASIC

อย่างไรก็ดี การดาวโหลดซอฟต์แวร์ขุดเหมืองเหล่านี้ควรโหลดจากเว็บไซต์ทางการเพื่อป้องกันไวรัสที่แฝงมากับซอฟต์แวร์ได้

ขุด Bitcoin คุ้มไหมในปี 2022?

ความคุ้มค่าในการลงทุน Bitcoin ก็ไม่ต่างจากการคำนวณความคุ้มค่าในธุรกิจอื่น นั่นคือการขุดจะได้กำไรก็ต่อเมื่อมีส่วนต่างระหว่าง “ราคา Bitcoin ในปัจจุบันและจำนวน Bitcoin ที่ขุดได้” กับ “ต้นทุนในการขุด” ซึ่งแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin นั้นไม่ใช่ปัจจัยที่นักลงทุนจะควบคุมได้

การลงทุนในการขุด Bitcoin นักขุดจึงต้องควบคุมต้นทุนในการขุด เช่น ค่าอุปกรณ์ ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ โดยหากใครที่มีต้นทุนในการขุดน้อยกว่า ขณะที่มีประสิทธิภาพในการขุดใกล้เคียงกัน นักขุดคนนั้นก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นและมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า

ซึ่งต้นทุนที่นักขุด Bitcoin ให้ความสำคัญสูงคือ ค่าไฟ เนื่องจากการขุดเป็นกิจกรรมที่ใช้พลังในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์และกินไฟสูง ยิ่งนักขุดทำการขุดในพื้นที่ที่มีค่าไฟถูก นั่นจะทำให้เขาได้เปรียบด้านต้นทุนจากนักขุดคนอื่น ๆ

แต่ไม่เพียงแค่การลดต้นทุนเท่านั้น เพราะการขุด Bitcoin ยังมีความเสี่ยงตรงที่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ขุด นักขุดจะได้รับผลตอบแทน ซึ่งแม้จะคุมค่าไฟให้ต่ำได้แค่ไหน หรือแม้แต่ราคา Bitcoin ปรับขึ้นสูงยังไง หากนักขุดไม่สามารถขุดเหรียญได้เลย นั่นก็หมายความว่านักขุดจะไม่แค่ไม่ได้กำไร แต่ยังต้องขาดทุนจากค่าไฟและการลงทุนในอุปกรณ์อีกด้วย

เงื่อนไขข้อนี้นับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับนักขุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการได้เหรียญรางวัลของ Bitcoin นั้นเป็นแบบ winner takes all นั่นคือผู้ชนะกินรวบและได้ผลตอบแทนไปทั้งหมด ขณะที่ผู้แพ้จะไม่ได้อะไรเลย ซึ่งปัจจุบันการขุดเหรียญนั้นมีการแข่งขันสูงมาก และเชื่อได้เลยว่าคุณจะต้องเผชิญกับนักขุดมืออาชีพที่มาพร้อมด้วยเครื่องมืออันทรงพลังแบบจัดเต็ม คำถามสำคัญสำหรับการเข้ามาสู่วงการนี้คือคุณมีกำลังพอที่จะเข้าแข่งขันในวงการนี้หรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการแข่งขันสูงขึ้น แต่ผลตอบแทนต่อบล็อกกลับน้อยลงทุกปี โดยรางวัลที่นักขุดจะได้ต่อบล็อกจะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี นั่นหมายถึงว่าต่อให้คุณเป็นผู้ชนะในทุกเกมที่ขุด ผลตอบแทนของคุณก็จะลดลงเรื่อย ๆ ในทุกปีจนไม่คุ้มที่จะขุดอีกต่อไป

ด้วยหลายปัจจัยที่เรียกร้องเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพ การต้องแบกรับต้นทุนค่าไฟ และความเสี่ยงที่จะไม่ได้อะไรเลย ทำให้การขุด Bitcoin โดยตรงอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับการลงทุนของนักลงทุน Bitcoin ทุกคนแม้จะใช้ต้นทุนต่ำกว่าการซื้อ Bitcoin 1 เหรียญในตอนนี้ก็ตาม เพราะการขุด Bitcoin ยังมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับอยู่

จากที่กล่าวมาเราจะพบว่าแม้ราคา Bitcoin ในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นแค่ไหน โอกาสที่นักลงทุนรายย่อยจะเข้าไปแข่งขันช่วงชิงเหรียญจากวิธีขุด Bitcoin ในรูปแบบต่าง ๆ ยังมีความเป็นไปได้ที่ต่ำมากไม่ต่างกับการเอาไม้จิ้มฟันไปงัดกับมีด เพราะในวงการขุด Bitcoin ยังมีนักขุดมืออาชีพมากมายที่มีเครื่องมือทรงประสิทธิภาพพร้อมที่จะชิงโอกาสการเป็นผู้ยืนยันบล็อกใหม่และได้รางวัลเป็นเหรียญ Bitcoin ไปทั้งหมด ในวงการการขุด Bitcoin สำหรับรายย่อยจึงเป็นไปได้เพียงการเสียค่าไฟ, ค่าอุปกรณ์, และเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น

ดังนั้นสำหรับคำถามที่ว่าขุด bitcoin คุ้มไหม 2022? คำตอบที่ได้อาจเป็น ไม่คุ้ม และ อาจทำให้ขาดทุนได้

วิธีการหา Bitcoin มาไว้ในครอบครองที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าอย่างการซื้อขายบนกระดานเทรดอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการซื้อหาอุปกรณ์และศึกษาขั้นตอนที่ยุ่งยาก หรือหากนักลงทุนต้องการเทรด Bitcoin การใช้เครื่องมืออย่างตราสารอนุพันธ์ที่ให้สภาพคล่องสูงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

เทรดบิทคอยน์ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่า

CFD – Contract for Difference หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นตราสารอนุพันธ์รูปแบบหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนไม่ต้องลงทุนในอุปกรณ์ขุด ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาและเป็นเจ้าของ Bitcoin เอง แต่สามารถทำกำไรบนราคาสินทรัพย์อย่าง Bitcoin ได้

โดยสัญญาอนุพันธ์ประเภทนี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนวางเงินมาร์จิ้นขั้นต่ำในระดับ 10-50 เปอร์เซนต์ของมูลค่าสัญญาสำหรับการเทรด Bitcoin แต่อาศัยอัตราทดช่วยให้ทำกำไรในระดับสูงเทียบเท่าการลงทุนด้วยเงินเต็มจำนวนของมูลค่าสัญญาได้ และด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ทำให้ CFD สร้างความได้เปรียบให้กับนักเทรด Bitcoin หลายประการ ได้แก่

1.  มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ด้วยสภาพคล่องจาก Market Maker

2. ใช้ประโยชน์จากอัตราทด สร้างผลกำไรได้ในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุน ขณะเดียวกันก็สร้างผลขาดทุนได้เช่นกัน

3.  ใช้เงินลงทุนตั้งต้นน้อย โดยสามารถวางเงินเพียงขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนด

4. สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ด้วยการเลือกเปิดสัญญาฝั่ง Long หรือ Short เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย

5.  ต้นทุนการลงทุนต่ำ โบรกเกอร์บางรายจะไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และสเปรดการซื้อขายก็ต่ำด้วย

6.  มีความน่าเชื่อถือ มีการเก็บรักษาเงินทุนอย่างปลอดภัย ไม่ต้องห่วงการถูกแฮ็กขโมยเหรียญ

นอกจากนี้การลงทุนใน CFD ยังมีขั้นตอนไม่ซับซ้อน หลังจากการเปิดบัญชีแล้วนักลงทุนก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มทำการซื้อขายได้ทันที ด้วยแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่ายทำให้แม้แต่นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเข้าถึงการเทรด Bitcoin ด้วย CFD ได้

โบรกเกอร์ที่สนับสนุนให้เทรด Bitcoin ด้วย CFD มีเช่น Mitrade, IG ฯลฯ

ต่อไปผู้เขียนขอยกตัวอย่างการเทรด Bitcoin CFD กับโบรกเกอร์ Mitrade

หากราคาปัจจุบันของบิทคอยน์อยู่ที่ $45,000 ดอลล่าร์ที่ขนาดเลเวอเรจ 10 เท่า หากนักลงทุนมองว่าราคาบิทคอยน์กำลังจะปรับตัวขึ้น ให้เปิดสถานะ Long ของสัญญาด้วยเงินทุนขั้นต่ำ $45 ต่อ 0.01 lot(โดย $45=$45,000*0.01 lot/10) เพื่อคาดหวังผลกำไรจากการซื้อถูกแล้วรอไปขายแพง และเมื่อราคาปรับตัวขึ้นไปก็ปิดสัญญาเพื่อรับรู้กำไร ซึ่งหากปิดสัญญา Long นี้ได้ที่ราคา $49,500 ก็จะคำนวณผลกำไรได้ $45[โดย $45=($49,500-45,000)*0.01 lot] เหรียญ นับเป็นกว่า 100% ของเงินทุนตั้งต้นในการเทรด ด้วยการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายบิทคอยน์เพียง 10% เท่านั้น

ในทางตรงกันข้าม หากมองว่าราคาบิทคอยน์กำลังจะปรับตัวลงก็เปิดสถานะ Short โดยวางเงินขั้นต่ำ $45 ต่อ 0.01 lot เพื่อคาดหวังผลกำไรจากการขายแพงแล้วไปซื้อกลับในราคาถูก ซึ่งหากราคาบิทคอยน์ปรับลงไปที่ $40,500 ก็จะคำนวณผลกำไรจากการเปิดสัญญานี้ได้ $45 ในรูปแบบเดียวกัน

เพื่อให้นักลงทุนมือใหม่เข้าใจการเทรด Bitcoin CFD ให้มากขึ้น ผู้เขียนจะแนะนำขั้นตอนการเทรด Bitcoin CFD กับ โบรกเกอร์ Mitrade ด้วย

ขั้นตอนการเทรด Bitcoin กับ Mitrade

#ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชี

นักลงทุนสามารถเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์เพื่อเปิดบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยการกรอกข้อมูลยืนยันตัวตนโดยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น

#ขั้นตอนที่ 2: ฝากเงินเข้าบัญชี

เมื่อได้รับการยืนยันเปิดบัญชี นักลงทุนสามารถโอนเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต หรือธนาคารออนไลน์ไทยตรงเข้าสู่บัญชีซื้อขาย และเริ่มการเทรดได้ทันที

#ขั้นตอนที่ 3: เช็ครายละเอียดของข้อมูลการเทรด Bitcoin

สกุลเงินดิจิตอลจะอยู่ในรายการ อื่นๆ ตามภาพด้านล่าง คลิกชื่อ Bitcoin เข้าไปจะสามารถเช็ครายละเอียดได้

#ขั้นตอนที่ 4: เปิดสถานะเพื่อฉวยโอกาสทำกำไร

เมื่อพร้อมสำหรับการเทรดแล้วก็เริ่มเปิดสถานะได้ทันที โดยนักเทรดสามารถเลือกทิศทางทำกำไร Long/Short ได้ ที่ Mitrade ปริมาณซื้อขายขั้นต่ำคือ 0.01 ล็อตและเลเวอเรจที่สูงสุดในการเทรด bitcoin คือ 1:10

#ขั้นตอนที่ 5: ปิดสถานะเพื่อรับรู้กำไร

เมื่อราคา Bitcoin ปรับตัวไปในทิศทางที่ต้องการ นักลงทุนก็สามารถปิดสถานะเพื่อรับรู้ผลกำไรได้ทันที

ทำไมถึงเทรดกับ Mitrade?
1.Mitrade เป็นโบรกเกอร์ CFD ที่มีความน่าเชื่ออย่างสูง เนื่องจาก Mitrade ได้รับการกำกับดูแลโดย Cayman Islands Monetary Authority (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 และ Australian Securities and Investments Commission (ASIC) ด้วยใบอนุญาตบริการทางการเงินของออสเตรเลีย (AFSL 398528)
2.ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย สเปรดต่ำ ปริมาณการเทรดต่ำถึง 0.01 ล็อดและเลเวอเรจสูงถึง 10 เท่า
3.ลูกค้าสามารถฝากเงินผ่าน QR Code, ธนาคารออนไลน์ไทยโดยเงินทุนจะสามารถเข้าในบัญชีอย่างทันทีและไม่มีค่าธรรมเนียม และการถอนเงินก็ไม่ยุ่งยากและรวดเร็ว
4.Mitrade มีฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คนไทยมืออาชีพ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วันทำการ โดยลูกค้าสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้ทาง Live Chat ที่หน้าเว็บไซต์ และ อีเมล

ทั้งนี้หากนักลงทุนไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของเหรียญ Bitcoin โดยตรง ไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการเก็บรักษาเหรียญ แต่ต้องการได้รับผลกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin เหมือนกัน การเทรด CFD อาจเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการและข้อจำกัดของนักลงทุนได้มากกว่า ด้วยความได้เปรียบมากมายด้วยการใช้เงินลงทุนไม่มาก สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทด สามารถการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงอย่างที่เครื่องมือทางการเงินน้อยชนิดที่จะทำได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ CFD กลายเป็นเครื่องมือที่นักเทรด Bitcoin ทั่วโลกเลือกใช้และให้การยอมรับ จนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการเทรด Bitcoin ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดชนิดหนึ่งในปัจจุบัน