FXTM ดีไหม รีวิว FXTM แบบละเอียดปี 2022

ถ้าจะพูดถึงโบรกเกอร์เทรด CFD ที่กำลังมาแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา FXTM จะเป็นชื่อหนึ่งที่เราได้ยินหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ แน่ ๆ แต่เนื่องจากโบรกเกอร์เทรด CFD ในปัจจุบันก็มีอยู่มากมาย ใครหลายคนก็เลยอาจหลงหูหลงตาไม่ทันได้ทำความรู้จักจนทำให้พลาดโอกาสในการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ดี ๆ มีศักยภาพอีกหนึ่งโบรกไป และหากคุณเผชิญกับปัญหานี้อยู่ บทความนี้อาจช่วยคุณได้เพราะเราได้รวบรวมเรื่องราวของโบรก FXTM มาไว้ให้แล้วแบบครบจบได้ในที่เดียว

1. ทำความรู้จักกับ FXTM

FXTM เป็นโบรกเกอร์ CFD ชั้นนำของวงการที่เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2011 และมีสำนักงานใหญ่ใสลีมาสโซล FXTM ได้ประกอบธุรกิจกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ตอนนี้มีลูกค้าเกิน 200,000 ราย

2. การกำกับดูแล

ปัจจุบันแบรนด์ FXTM ประกอบด้วยบริษัทที่ดำเนินงานร่วมกัน 3 แห่ง คือ ForexTime Limited, ForexTime และ Exinity Limited โดยที่บริษัทแต่ละแห่งต่างก็ได้รับใบอนุญาติเป็นผู้ให้บริการทางการเงินเป็นของตัวเอง 

  • ForexTime Limited ได้รับการอนุญาตและกำกับดูแลจาก CySEC ของสหภาพยุโรปด้วยเลขที่ใบอนุญาต 185/12 และ FSCA ด้วยเลขที่ใบอนุญาต 46614 
  • ForexTime ได้รับการอนุญาตและกำกับดูแลจาก FCA ของอังกฤษ โดยมีเลขที่ใบอนุญาต 777911
  • Exinity Limited ได้รับการอนุญาตและกำกับดูแลจาก FSC ของประเทศมอริเชียสด้วยเลขที่ใบอนุญาต C113012295

3. ความปลอดภัยของเงินทุน

เนื่องจาก FXTM อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและการคุ้มครองเงินทุนของลูกค้าอย่างเคร่งครัด ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเงินทุนที่ FXTM ดูแลอยู่จะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย ช่วยสร้างบรรยากาศในการเทรดที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้

ภายใต้การควบคุมดูแลของ FSC FXTM จำเป็นต้องเก็บเงินทุนของลูกค้าไว้ในบัญชีแยกต่างหากจากเงินทุนของบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดการนำเงินทุนของลูกค้ามาใช้ผิดประเภท และใช้เทคนิคการเข้ารหัสด้วยโปรโตคอลความปลอดภัยเครือข่าย SSL (Secure Sockets Layer) ช่วยให้การเชื่อมต่อของลูกค้ามีความปลอดภัยทางไซเบอร์ และข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้อย่างเป็นส่วนตัว

ด้วยความไว้ใจจากลูกค้ากว่า 2 ล้านรายในกว่า 150 ประเทศทั่วโลกล้วนเป็นสิ่งยืนยันความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อ FXTM ได้เป็นอย่างดี

4. ผลิตภัณฑ์สำหรับการเทรด

FXTM เสนอผลิตภัณฑ์ CFD สำหรับการเทรดให้แก่นักลงทุนทั่วโลกโดยที่มีสินค้าอ้างอิงหลากหลายกว่า 250 ชนิด ได้แก่

  • สกุลเงิน เช่น USD/JYP, AUD/USD ฯลฯ
  • ดัชนี เช่น FTSE, DAX, Nasdaq
  • สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทองคำ เงิน
  • หุ้น เช่น Apple, BP, Google

ซึ่งหากคุณมองหาการเทรดสินค้ายอดนิยมในตลาดการเงินแล้วละก็ FXTM เรียกได้ว่ามีสินค้าอ้างอิงตอบสนองกับความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วนโบรกหนึ่งทีเดียว

5. ประเภทบัญชี 

FXTM มีบริการทางบัญชีหลากหลายที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการ มีค่าคอมมิชชั่น รวมถึงเงื่อนไขการฝากถอนเงินดังที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้

โบรกเกอร์นี้เสนอบัญชีซื้อขายสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกใช้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ บัญชี Micro, บัญชี Advance, และบัญชี Advantage Plus ซึ่งแต่ละบัญชีมีความแตกต่างในแง่เงินทุนที่โบรกเกอร์เรียกจากลูกค้า การคิดสเปรด/คอมมิชชั่น รวมถึงบริการเสริมที่โบรกเกอร์เสนอให้ใช้ได้ ดังที่เราจะแจกแจงต่อไปนี้

บัญชี Micro

เป็นบัญชีที่เรียกร้องเงินทุนจากลูกค้าน้อยที่สุด คือมีเงื่อนไขเงินฝากขั้นต่ำ $/€/£ 50 และเป็นบัญชีที่กำหนดปริมาณการเทรดสูงสุด ให้บริการเทรดบนสินค้า สกุลเงิน โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และตะกร้าหุ้น แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น สเปรดเริ่มต้นที่ 1.5 ด้วยอัตราทดแบบคงที่สูงสุด 1:1,000 สำหรับการเทรดสกุลเงิน และ 1:500 สำหรับการเทรดโลหะมีค่า ให้บริการเทรดบน MT4 ซึ่งนับว่าครบถ้วนและเพียงพอสำหรับลูกค้าที่มีปริมาณการเทรดไม่มาก

★ บัญชี Advance

เป็นบัญชีที่ขยับขึ้นมาอีกขั้นโดยลูกค้าที่สมัครบัญชีรูปแบบนี้จำเป็นต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ $/€/£ 500 ขึ้นไป โดยแลกกับการเพิ่มฟังก์ชั่นตัวเลือกต่าง ๆ ขึ้นมาอีก เริ่มจากผลิตภัณฑ์ตัวเลือกการเทรดที่เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าสามารถเลือกเทรดดัชนีและหุ้นรายตัวได้เพิ่มเติมจากบัญชี Micro แม้จะมีค่าคอมมิชชั่นแบบลอยตัวเพิ่มเติมขึ้นมาที่ $0.40 – $2.0 แต่ค่าสเปรดก็เริ่มต้นด้วยอัตราที่ต่ำกว่า คือ 0.0 ทั้งยังให้อัตราทดที่สูงกว่าบัญชี Micro ที่ 1:2,000 ให้บริการทั้งบน MT4 และ MT5 ในแบบที่ครบครันและเป็นมิตรกับนักเทรดมืออาชีพอย่างแน่นอน หากอยากได้สเปรดที่ต่ำกว่าและยอมจ่ายค่าคอมมิชชั่น ก็สามารถเลือกบัญชีชนิดนี้

★ บัญชี Advantage Plus

ต่อยอดขึ้นมาจากบัญชี Advance บัญชี Advantage Plus เรียกเงินฝากขั้นต่ำจากลูกค้าไม่ต่างจากบัญชี Adavnce และมีบริการเสนอให้ลูกค้าได้ใช้คล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือการซื้อขาย แพลตฟอร์มการเทรด หรืออัตราทดที่ให้ แต่บัญชี Advantage Plus จะไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่น ขณะที่จะมีการคิดค่าสเปรดที่ต่ำกว่า คือเริ่มต้นที่ 1.5 ซึ่งหากลูกค้าต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วน หากรับค่าสเปรดที่สูงกว่าได้ การใช้บัญชีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดี

หรือหากคุณยังไม่พร้อมสำหรับการลงสนามเทรดจริง FXTM ยังมีบริการบัญชีทดลอง (Demo Account) ให้สำหรับบัญชีทั้ง 3 แบบ ซึ่งหากคุณสนใจก็สามารถเริ่มทดลองเทรดได้ทันทีแม้ไม่มีการโอนเงินจริงเข้าสู่บัญชีก็ตาม เงินทุนเสมือนจริงที่มีอยู่ในบัญชีจะช่วยให้คุณได้เทรดสินค้าด้วยเงื่อนไขการซื้อขายจริงในตลาด

6. ค่าคอมมิชชั่น

ค่าคอมมิชชั่นมีความสำคัญในฐานะต้นทุนสำหรับการเทรดที่สามารถชี้วัดผลกำไรของนักเทรดได้ ซึ่ง FXTM มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการให้บริการดังนี้

1) ค่าสเปรด

จะมีการคิดแตกต่างกันไปในบัญชีแต่ละประเภทที่ลูกค้าเลือกใช้รวมถึงความนิยม/สภาพคล่องในการเทรดสินค้าแต่ละตัว ตัวอย่างเช่นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูง เช่น AUDUSD หรือ EURUSD จะมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.1 ขณะที่สกุลเงินทางเลือกที่มีปริมาณการเทรดน้อยอย่าง GBPINR จะมีการเรียกเก็บสเปรดขั้นต่ำในระดับสูง เริ่มต้นที่ 400.0

2) ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย

สำหรับบัญชีประเภท Advance จะมีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากลูกค้าด้วยเรทที่แตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดย เรทค่าคอมมิชชั่น จะอ้างอิงอยู่กับจำนวนเงินทุนที่ลูกค้าฝากไว้ในบัญชีและปริมาณการเทรด ส่วนการคิดค่าคอมมิชชั่นจะนำเรทนี้มาคำนวณร่วมกับมูลค่าการเทรดของลูกค้าในแต่ละเดือน ขณะที่บัญชี Micro และ บัญชี Advantage Plus จะไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้

3) ค่าคอมมิชชั่นการถือคำสั่งข้ามคืน

หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ swap ซึ่ง FXTM เก็บค่าธรรมเนียม swap สำหรับสินค้า Forex และ Spot Metals ตั้งแต่ 13.31 ไปจนถึง -93.14 ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าและประเภทของสถานะ (Long / Short) 

4) ค่าคอมมิชชั่นการถอนเงิน

FXTM ให้บริการถอนเงินสำหรับลูกค้าไทยผ่าน ธนาคารออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคิดค่าคอมมิชชั่น 1.4%, ธนาคารออนไลน์ของไทย คิดค่าคอมมิชชั่น 2%, ถอนเงินผ่านบัตรเครดิต Visa/ Mastercard/ Meastro มีค่าคอมมิชชั่น 2 GBP/ 3 USD/ 2 EUR ต่อครั้ง 

5) ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน

เมื่อบัญชีถูกถือว่าไม่มีการใช้งาน (ไม่มีการดำเนินการซื้อขาย) เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะเก็บค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานเป็นจำนวน 5 EUR/ USD/ GBP

7. การฝากถอนเงิน

FXTM ให้บริการฝากถอนเงินสำหรับนักลงทุนไทยได้ทั้งธนาคารออนไลน์ บัตรเครดิต และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการฝากเงินผ่านธนาคารออนไลน์และบัตรเครดิตนั้นจะให้เงินเข้าบัญชีทันที ขณะที่ฝั่งการถอนต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมง ขณะที่การฝากถอนเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จะมีการฝากเงินแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นใช้เวลาตั้งแต่ทันทีไปจนถึงไม่เกิน 24 ชั่วโมง (แล้วแต่บริการ) ส่วนการถอนเงินจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นตั้งแต่ 0 – 2% ใช้เวลาดำเนินงาน 24 ชั่วโมง

เราสามารถสรุปค่าธรรมเนียมและระยะเวลาการฝาก/ถอนได้ดังนี้

8. แพลตฟอร์มการเทรด

แพลตฟอร์มการเทรดถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการเทรดในตลาดสกุลเงินรวมทั้งสินค้าทางการเงินอื่น ๆ โดยที่ลูกค้าสามารถเข้าไปเปิดปิดสถานะ ตรวจสอบสถานะพอร์ตการลงทุน วิเคราะห์กราฟราคาแบบเรียลไทม์ ฯลฯ ได้แบบครบจบในที่เดียว

FXTM เสนอแพลตฟอร์ม MT4 / MT5 และ WebTrader สำหรับการใช้งานผ่าน PC และ Mac นอกจากนี้ลูกค้าก็สามารถใช้แอปพลิเคชั่น FXTM Trader เพื่อใช้งานแพลตฟอร์มการเทรดผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็ปเล็ตได้ทุกที่ทุกเวลา

1) MT4 ของ FXTM ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงตลาดสินค้าทางการเงินหลายร้อยชนิด ใช้งานง่าย และสามารถดูกราฟราคาแบบเรียลไทม์ได้

2) MT5 สำหรับ FXTM ใช้งานได้ไม่ต่างกับ MT4 คือช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงตลาดสินค้าทางการเงินพร้อมกับกราฟราคาแบบเรียลไทม์ แต่มีการบริหารจัดการธุรกรรมได้ตรงตามมาตรฐานมากกว่า MT4

3) FXTM Trader เป็นแอปพลิเคชั่นที่ FXTM สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้กับแท็ปเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ ช่วยให้ลูกค้าเขาถึงการเทรดได้ทุกที่ทุกเวลาบนการสัมผัสที่ปลายนิ้วเท่านั้น 

9. เครื่องมือสนับสนุนการเทรด

อีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับการเลือกโบรกเกอร์หนึ่งมาเป็นพันธมิตรก็คงหนีไม่พ้นเครื่องมือสนับสนุนการเทรดที่โบรกเกอร์จะช่วยเสนอเครื่องมือรูปแบบต่าง ๆ ทั้งแพลตฟอร์มการเทรด เครื่องมือ/ข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งฟังก์ชั่นการเทรดอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

1)เครื่องมือและการเรียนรู้การเทรด

FXTM ให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือและข้อมูลสำหรับการเทรดอีกมากมาย เช่น

บทวิเคราะห์ตลาดรายวัน ช่วยอัปเดทข่าวคราวที่สำคัญในตลาดการเงินที่จะช่วยให้ลูกค้าไม่พลาดในทุกความเคลื่อนไหวล่าสุดในตลาดการเงิน 

สัญญาณ FXTM เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินได้แบบง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่านการใช้งานใน MyFXTM

กลยุทธ์ Pivot Point เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ที่ลูกค้าสร้างขึ้น ผ่านการคำนวณค่า Pivot Point ห้าแบบที่ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยอดนิยม

ปฏิทินเศรษฐกิจ ช่วยให้ลูกค้าวางแผนการเทรดแบบไม่พลาดในทุกโอกาสที่อาจเกิดขึ้น และแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญได้อย่างทันท่วงที

ไทม์ไลน์ข่าวสาร ช่วยฟีดข่าวสารที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข่าวทั่วโลกมารวบรวมไว้ในหน้าจอเดียวบน MetaTrader ของคุณ

ตัวแปลงสกุลเงิน ช่วยให้คุณแปลงสกุลเงินต่าง ๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เครื่องคำนวณมาร์จิ้น ช่วยให้ลูกค้าจัดการเงินทุนและบริหารความเสี่ยงของตัวเองได้อย่างเหมาะสม

เครื่องคำนวณ pip เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยประเมินผลกำไร/ขาดทุน จุดคอลมาร์จิ้น และจุดบังคับปิดสัญญา ให้คุณได้รู้ความเสี่ยงก่อนที่จะลงมือส่งคำสั่ง

เครื่องมือจำกัดความเสี่ยง พร้อมสรรพด้วยฟังก์ชั่นควบคุมความเสี่ยงอย่าง การวางจุด Stop loss / Trailing Stop ช่วยให้ลูกค้าจำกัดความเสี่ยงเอาไว้แค่จุดที่รับมือได้

ด้วยเครื่องมือสนับสนุนหลากหลาย ช่วยให้นักเทรดวางแผนได้อย่างชัดเจน ทุกการเทรดของนักเทรดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2) ฟังก์ชั่น Copy Trade

หากคุณไม่รู้จะวางแผนการเทรดอย่างไร ทั้งยังไม่มีไอเดียใหม่สำหรับการเทรด ฟังก์ชั่น Copy Trade ที่จะช่วยให้คุณส่งคำสั่งได้ด้วยการเลียนแบบผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยที่คุณก็เพียงแค่จ่ายค่าธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับนักวางกลยุทธ์ในเวลาที่การเทรดมีผลกำไรเท่านั้น

3) การซื้อขายด้วย VPS

เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าที่ใช้บริการ FXTM ได้นำเทคโนโลยี VPS Trading หรือ การซื้อขายด้วย Virtual Private Server หรือ VPS ที่ทำงานเสมือนคอมพิวเตอร์และทำงานอย่างเป็นอิสระ ช่วยให้การเทรดของลูกค้ามีความปลอดภัยและมีความคล่องตัว ซึ่ง FXTM นำบริการ VPS Trading มาใช้กับทั้งบัญชีซื้อขายจริงรวมถึงบัญชีทดลอง (Demo Account) ด้วย

10. ฝ่ายบริการลูกค้า

โบรกเกอร์ FXTM มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศมอริเชียสและยังไม่มีช่องทางการติดต่อภาษาไทย ดังนั้นสำหรับนักเทรดไทยสามารถติดต่อโบรกเกอร์ได้ผ่านอีเมล ไลฟ์แชต และช่องทางติดต่อออนไลน์อื่น ๆ 

  • E-mail: support@fxtm.com
  • WhatsApp 
  • Viber 
  • Telegram
  • Messenger

โดยช่องทางต่าง ๆ สามารถใช้ติดต่อ FXTM ได้ตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วันทำการของสัปดาห์ (จันทร์ – ศุกร์)

11. โปรโมชั่น

นอกจากผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับการเทรดแล้ว FXTM ยังมีโปรโมชั่นช่วยเพิ่มแรงจูงใจสำหรับนักเทรดหน้าใหม่ที่กำลังมองหาบัญชีซื้อขาย รวมถึงนักเทรดหน้าเก่าที่เชี่ยวชาญการใช้งานของแพลตฟอร์มอยู่แล้ว ได้แก่

1)โปรโมชั่นโบนัสและแคชแบ็คสำหรับ Forex ให้นักเทรดได้รับเงินคืน $5 ทุกครั้งที่มีการเทรด สูงสุดรวมกว่า $10,000 โดยเป็นการสะสมระดับคะแนน ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็มีโอกาสได้รับเงินคืนสูงมากขึ้นเท่านั้น

2) โปรแกรมแนะนำเพื่อน สำหรับผู้ที่มีบัญชี FXTM อยู่แล้วสามารถชักชวนเพื่อนมาใช้บริการได้ และเมื่อเพื่อนมีปริมาณการเทรดครบ $10,000 ทั้งคุณและเพื่อนก็จะได้รับโบนัสคนละถึง $50 ไปฟรี ๆ !

3) การแข่งขันกลยุทธ์เทรด เป็นการเปิดให้มีการแข่งขันการเทรดระหว่างผู้ใช้งานด้วยกัน เพื่อช่วยให้เกิดความมั่นใจในการใช้กลยุทธ์ของลูกค้า เพื่อคว้ารางวัลในท้ายที่สุด

12. รางวัลที่ได้รับ

ด้วยความเป็นมืออาชีพในการให้บริการและผลิตภัณฑ์/บริการที่หลากหลาย FXTM คว้ารางวัลระดับอุตสาหกรรมมาแล้วมากมายอย่างต่อเนื่อง

ปี 2020 ได้รับรางวัล 

  • Best Trading Experience 2020 จาก World Finance
  • Best ECN Broker 2020 จาก Daytrading.com
  • Best Forex Broker in Nigeria 2020 จาก ForexTrading.ng
  • Best Education Provider 2020 จาก FxDailyInfo.com

ปี 2019 ได้รับรางวัล 

  • Best European Forex Affiliate Broker Programe 2019 จาก Global Forex Award
  • Best Trading Conditions 2019 จาก World Finance Awards
  • Best Trading Experience 2019 จาก World Finance Awards
  • Best Investment Broker 2019 จาก World Finance Awards

ฯลฯ

จากที่กล่าวมา FXTM ก็ถือได้ว่าเป็นอีกโบรกเกอร์หนึ่งที่นักเทรดไม่ควรมองข้าม ด้วยบริการทางบัญชีที่มีบัญชีหลากหลายให้เลือกตามความเหมาะสมของนักเทรดแต่ละคน ด้วยเงื่อนไขเงินฝากขั้นต่ำน้อยเพียง $50 มีการคิดค่าสเปรดต่ำ เริ่มต้นที่ 0 และให้นักเทรดสามารถใช้อัตราทดได้ในระดับสูงถึง 1:2,000 (ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์) 

เมื่อหันมาดูการสนับสนุนการเทรด FXTM ก็มีเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เป็นมาตรฐาน มีฟังก์ชั่น Copy Trade ให้ความสะดวกกับลูกค้าที่ไม่ต้องการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายเอง ทั้งยังช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกค้าด้วยการเทรดด้วย VPS ที่สำคัญการฝากและถอนเงินยังสามารถทำผ่านธนาคารไทยได้แบบที่ใช้เวลาไม่มากอีกด้วย ทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับนักเทรดไทยไปอีกขั้นด้วยฝ่ายบริการลูกค้าที่สนับสนุนภาษาไทยแล้ว

ทั้งนี้สิ่งที่นักเทรดควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกใช้งานบัญชีกับ FXTM คือการเปิดบัญชีอาจใช้เวลานานและมีขั้นตอนการลงทะเบียนอยู่บ้างพอสมควร มีการออกแบบอินเทอร์เฟซเก่าที่อาจไม่ถูกใจนักเทรดนัก และเนื่องจาก FXTM ยังเพิ่งเริ่มเข้ามาเปิดตลาดในไทยจึงทำให้ข้อมูลบนเว็บไซต์หรือข้อมูลการเรียนรู้บางส่วนยังไม่สนับสนุนภาษาไทย เครื่องมือเทรดบางตัวยังใช้ไม่ได้หรือไม่สนับสนุนภาษาไทย ที่สำคัญคือนักเทรดจำเป็นต้องเผื่อค่าใช้จ่ายเอาไว้ในส่วนของค่าคอมมิชชั่นกรณีที่บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวหรือการเทรดเป็นเวลานานด้วย

ด้วยรีวิวทั้งหมดนี้เราจึงให้คะแนนรวมสำหรับ FXTM ไว้ที่ 7.8/10